หนังสือจากแต่ละประเทศมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะมันเป็นเหมือนสื่อกลางที่นักเขียนใช่ถ่ายทอดวัฒนธรรม วิถีชีวิต มุมมองทางสังคมอันแตกต่างผ่านทางตัวอักษร ถ้าการเดินทางไปยังต่างประเทศเป็นหนึ่งในวิธีการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต การอ่านหนังสือแปลจากหลายๆ ประเทศก็นับเป็นหนึ่งในวิธีที่เราใช้เรียนรู้ความแตกต่างและความหลากหลายทางสังคมเช่นกัน

หากหนัง La La Land (Damien Chazelle, 2016) เปรียบได้กับโลกด้านสว่างเหมือนฝันหวานของเมือง Los Angeles หนังสือ ‘Dark City: The Real Los Angeles Noir’ ก็เหมือนตัวทำลาย California Dream ของเราจนหมดสิ้น

หนังสือทั้ง 5 เล่มนี่จึงเป็นเหมือนคู่มือที่ช่วยอธิบาย เป็นเหมือนเพื่อนที่มีไว้แลกเปลี่ยนเรื่องราวอันหลากหลาย เรื่องราวของเจ็บปวด ช่วงเวลาของการล่วงหล่น แลกเปลี่ยนคำปลอบประโลมก่อนที่เราต่างคนต่างจะแตกสลาย ให้เราได้ทบทวน หยุดพักและตั้งคำถาม ก่อนจะเดินทางต่อไปบนเส้นทางอันไม่ง่ายของการเป็นมนุษย์

เชื่อว่าทุกคนที่เคยเดินทางไปสิงคโปร์ ต้องเคยประสบพบเจอความ 'Lah' ที่มักต่อท้ายสำเนียงเสียงพูดภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์กันถ้วนทั่วทั้งเกาะ และมักจะเจอสำเนียงแปร่งประหลาด พร้อมสรรพแสงประเภทที่ไม่เคยพบเจอในโลกใบนี้มาก่อน

'อ่านหนังสือให้มากขึ้น' คงจะเป็นหนึ่งใน New Year Resolution ยอดนิยมที่หลายๆคนสร้างไว้สำหรับต้อนรับปีใหม่และเมื่อเวลาผ่านไปจนมาถึงสิ้นปีแบบนี้หลายๆ คนคงพบว่ามัน fail อย่างไม่มีชิ้นดี แต่ในเมื่อยังไม่ถึงวันที่ 31 เราก็ยังมีเวลาพอที่จะ 'อ่านหนังสือให้มากขึ้น' อย่างน้อย 1 เล่มก็ยังดี

‘I Had a Black Dog : His Name Was Depression’ คือหนังสือภาพที่ช่วยให้เราเข้าใจโรคซึมเศร้าได้ง่ายขึ้นมาอีกนิด คำว่า Black Dog เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาที่นิยมใช้แทนอาการซึมเศร้าในช่วงศตวรรษที่ 20 ซึ่งการเปรียบเปรยอาการซึมเศร้ากับ Black Dog ก็ยิ่งทำให้เราเห็นภาพและทำความเข้าใจกับสภาวะที่ผู้คนต้องเผชิญโรคซึมเศร้า

หากใครที่คุ้นตากับภาพถ่ายชีวิตประจำวันของชาวสิงคโปร์สีนวลตา ในมุมมองที่เหมือนจะธรรมดา แต่ในเฟรมที่ว่ากลับเต็มไปด้วยความหมาย หรือเรื่องราวบางอย่างที่ชี้ชวนให้เราต้องหยุดมองนานๆ นั่นล่ะคืองานของช่างภาพสุดรักของเราที่ชื่อ Nguan

เชื่อว่าเด็กๆ หลายคน รวมไปถึงผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ต้องเคยใฝ่ฝันที่จะมีหนังสือแนว pop-up เป็นของตัวเองสักเล่ม เพราะการได้เปิดหน้าหนังสือไป แล้วเล่นสนุก ดึงเข้าดึงออก เห็นอะไรต่อมิอะไรกลายร่างจากกระดาษธรรมดา กลายเป็นสามมิติได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

วนมาอีกแล้วสำหรับงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 22 (Book Expo Thailand 2017) ที่จัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 18 ถึงวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคมนี้ และแน่นอนว่าอีเว้นท์นี้คือการรวมตัวของผู้รักการอ่านทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แถมยังมีหนังสือปกใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

Nicholas Bonner เจ้าของหนังสือปกชมพูแสนน่ารัก 'Made in North Korea' เป็นชาวอังกฤษที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งแต่ปี 1993 เขาเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ที่จัดทริปนำนักท่องเที่ยวเดินทางสู่กรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ แถมเขายังเป็นคนหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลเกาหลีเหนือให้มีส่วนร่วมในโปรเจ็กต์ทางวัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงยังเป็นผู้กำกับร่วมในภาพยนตร์ที่จัดทำโดยรัฐบาลอีกด้วย

Coach ต้นกำเนิดของเครื่องหนังแนวอเมริกัน ฉลองครบรอบ 75 ปีในปีนี้กับแนวคิด COACH: เรื่องราวความเท่แห่งนิวยอร์ค หัวใจหลักของ Coach คือตำนานแห่งดีไซน์ งานฝีมือและความเป็นต้นแบบที่เป็นเอกลักษณ์

เชฟเอียน กิตติชัย เชฟผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติของประเทศไทย ผู้ก่อตั้งร้าน อิษยา สยามมิส คลับ ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ติด 1 ในลิสต์ Asia’s 50 Best Restaurants และ เชฟเปเปอร์ อริสรา จงพาณิชกุล ผู้อยู่เบื้องหลังขนมแสนอร่อยแห่งร้าน Issaya La Pâtisserie

หากใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการออกแบบ ถึงตอนนี้น่าจะรู้กันแล้วว่า Pantone บริษัทสีชื่อดัง ผู้กำหนดเทรนด์สีโลกในวงการออกแบบ และแฟชั่น

การอ่านผ่านหน้ากระดาษ การได้สัมผัสขนาดของหนังสือ เทคเจอร์ของปก และกลิ่นหมึกพิมพ์นั้น ยังคงความคลาสสิคและให้อรรถรสในการอ่านได้ดีไม่น้อยไปกว่า e-Book แม้ในยุคที่คนหันมาเสพข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนกันมากขึ้นก็ตาม

สำนักพิมพ์แซลมอนจัดงาน SALMON. FRESH TO FEST! 2015 เทศกาลหนังสือไซส์มินิสำหรับคนชอบของสด พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์ ‘minimore’ แหล่งรวมตลาดคอนเทนต์ออนไลน์ เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งธุรกิจคอนเทนต์ตั้งรับกระแสดิจิทัล ย้ำสื่อออนไลน์เป็นหนึ่งในโอกาสของธุรกิจสิ่งพิมพ์