ถ้าเราให้คุณบอกชื่อเมืองในฝันในยุโรปสักชื่อ คำตอบของคุณจะเป็นที่ไหน
หลายๆ คนอาจจะนึกถึงเมืองสุดโรแมนติก หรือเมืองใหญ่ศูนย์กลางแฟชั่น แต่ถ้าจะเดินทางไปแล้วทั้งที คงน่าเสียดายถ้าจะไปแค่เมืองใหญ่โดยมองข้ามเมืองเล็กๆ ที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์ ลองมาดู 8 เมืองเล็กที่เด็ดจนเราอยากชวนคุณให้เพิ่มไว้ใน list ของทริปหน้ากัน
—————
01 — Bled, Slovenia
เมืองเล็กๆใกล้ทะเลสาบ Bled นี้ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศสโลวีเนียซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีวิวเด็ดคือมุมสูงชมวิวทะเลสาบ และโบสถ์ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ นอกจากชมวิวสวยๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้สนุกเช่น ปืนเขา ตกปลา ขี่ม้า หรือพักผ่อนกับสปาและรีสอร์ทภายในเมือง
02 — Kotor, Montenegro
เมืองเก่าจากประเทศเล็กๆ อย่างมอนเตเนโกรที่หลายๆ คนแทบจะไม่รู้จัก แต่สวยสุดๆ ตั้งอยู่ปลายเขา Lovcen ในจุดที่ลึกและสวยที่สุดของอ่าว Mediterranian ของทะเล Adriatic เมือง Kotor นั้นอุดมไปด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่น และยังคงมีสถาปัตยกรรมของยุโรปสมัยกลางในช่วงศตวรรษที่ 12 ถึงศตวรรษ 14 ซึ่งปัจจุบันบางส่วนของเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นมรดกโลกทั้งธรรมชาติประวัติศาสตร์ จากองค์การยูเนสโก้อีกด้วย
03 — Gdansk, Poland
เมืองที่แทบไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยนี้ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศโปแลนด์ Gdansk เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากเรือรบเยอรมัน Schleswig-Holstein ได้จู่โจมกองทัพของโปแลนด์ ซึ่งหลังจากนั้นทั้งเมืองได้ถูกทำลายอย่างหนัก แต่หลังจากบูรณะใหม่อีกครั้ง ปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในเมืองท่าหลักของชายฝั่งทะเล Baltic ซึ่งนักท่องเที่ยวมากมายใช้เดินทางเข้า-ออกจากประเทศโปแลนด์ ไปประเทศต่างๆ ในแถบ Scandinavia
04 — Procida, Italy
เกาะเล็กๆ แห่งนี้ห่างออกไปไม่ไกลจากเมือง Naples ทางตอนใต้ของอิตาลี สำหรับหลายๆ คน น่าจะคุ้นกับที่นี่บ้างจากฉากในภาพยนตร์เรื่อง ‘Postman’ และ ‘The Talented Mr.Ripley’ สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาที่นี่ หนีไม่พ้นสีสันพาสเทลของบ้านเรือน และตึกที่นี่ที่เป็นเอกลักษณ์ในแถบ Mediterranean นอกจากนั้นเนื่องจาก Procida เป็นเกาะ ทำให้การประมงเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่ ซึ่งถ้าใครได้มาแนะนำให้ลองอาหารทะเลที่นี่ รวมไปถึงเที่ยวชมหมู่บ้านโบราณซึ่งไม่ไกลกันมาก
05 — Lofoten, Norway
Lofoten นั้นเป็นเมืองที่สวยเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะซึ่งมีทิวทัศน์เป็นภูเขาอยู่เบื้องหลังทำให้เกาะตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์นี้ดึงดูดนักเดินทางมาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากภูเขาแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังจะได้ชม Fjords, นกทะเลชนิดต่างๆ รวมไปถึงชาดหาดที่ได้รับความนิยมมากสำหรับนักโต้คลื่น และถ้าใครสนใจกิจกรรมทางธรรมชาติ Lofoten ยังมีกิจกรรมอย่าง ปีนเขา, สกี, ตกปลา, ดำน้ำ และอื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้สนุกอีกด้วย
06 — Cadaques, Spain
เมืองเล็กๆ เมืองนี้มีบ้านของศิลปินชื่อดังอย่าง Salvador Dali ลุงหนวดงามที่หลายๆ คนรู้จักอยู่ด้วย เมืองสีขาวของสเปนแห่งนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศในแคว้นคาตาลัน บนชายฝั่ง Costa Brava ของทะเล Mediterranean ปัจจุบัน ด้วยอากาศที่ดี และมีชายหาดที่ยอดเยี่ยมทำให้ Cadaques เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอังกฤษและฝรั่งเศส แน่นอนว่าที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ Dalí’s House-Museum ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
07 — Mostar, Bosnia and Herzegovina
จะมีใครรู้ว่าประเทศเล็กๆ ในยุโรปตะวันออกที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำอย่าง Bosnia and Herzegovina มีเมืองน่ารักที่มีเสน่ห์อยู่ด้วย Mostar นั้นเคยถูกระเบิดอย่างหนักในยุคสงครามก่อนที่ Bosnia จะแยกตัวจาก Yugoslavia ซึ่งสะพานที่ข้ามแม่น้ำ Neretva อย่าง Stari Most ก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากที่เมืองได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง เมืองแห่งนี้ก็เริ่มต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความสวยงามของเมืองในสไตล์ Ottoman รวมไปถึงยังมีศิลปะอย่าง Street Art ที่น่าสนใจและธรรมชาติให้ได้เลือกชื่นชมตามชอบอีกด้วย
08 — Alberobello, Italy
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเมืองที่มีเอกลักษณ์ในอิตาลีอย่าง Alberobello เมืองน่ารักแห่งนี้อยู่ทางตอนใต้ฝั่งตะวันออกของอิตาลี โดยในปีค.ศ. 1996 ได้ขึ้นทะเบียนตึกหลังคาทรงกรวยของเมืองนี้ที่เรียกกันว่า ‘Trulli’ เป็นมรดกโลกอีกด้วย ซึ่งก็คือสิ่งก่อสร้างที่ทำจากหินปูนท้องถิ่น กำแพงหินแห้ง และหลังคาทรงกรวย อาคารในรูปทรงนี้นั้นจะพบเห็นได้ในแถวแคว้น Puglia ของอิตาลี ซึ่งหากนักท่องเที่ยวเดินทางมายังเมืองนี้ยังสามารถมีประสบการณ์ในการพักภายใน Trulli ได้เช่นกัน
—————
นอกจาก 8 เมืองที่เราแนะนำแล้ว ยังมีเมืองหรือหมู่บ้านอีกมากมายที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม ภูมิศาสตร์ หรือวิวที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ หากใครมีแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวในยุโรป เราอยากให้ลองค้นหาและเพิ่มเมืองเล็กๆ เหล่านี้ไปในโปรแกรมของคุณ แน่นอนว่านอกจากจะทำให้คุณเซอร์ไพรส์แล้ว คุณจะยังมีเรื่องเล่ามาฝากเพื่อนๆ ได้อีกด้วย
RECOMMENDED CONTENT
‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย