fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#CITYGUIDE — ลายแทงเสริมดวงที่ 9 วัดดังในสิงคโปร์ ที่รับรองว่าทั้งเฮง ทั้งรวยกันทั่วหน้าต้อนรับวันตรุษจีน
date : 3.กุมภาพันธ์.2016 tag :

Thian Hock Keng Temple2

เมื่อพูดถึงสิงคโปร์ หลายคนอาจจะนึกถึงตึกสูงระฟ้า แหล่งช้อปปิ้งหรูหราสำหรับขาช้อป ร้านอาหารจากเหล่าเชฟชื่อดัง รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกนับไม่ถ้วน แต่อีกหนึ่งกิจกรรมที่อาจจะขาดไม่ได้สำหรับใครหลายคนเวลาไปสิงคโปร์ คือการเข้าวัด เพราะการเข้าวัดทำบุญถือได้ว่าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจได้ทางหนึ่ง และนี่คือ 9 ตัวอย่างวัดดังในสิงคโปร์ สำหรับใครที่ต้องการจะขอพรเรื่องโชคลาภ ความรักดีๆ หรือแม้แต่เสริมดวงแก้ปีชง ก็สามารถเดินทางไปขอพรตามวัดเหล่านี้ให้สมหวังดังตั้งใจกันได้ทุกคน

 Thian Hock Keng Temple1

“Route for Wealth: เพื่อโชคลาภ”

1. วัดเซียน จู่ กง (Xian Zu Gong Temple)
วัดจีนที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก สร้างขึ้นโดยพ่อค้าชาวจีนเพื่อถวายแด่เทพเจ้าตั่วแป๊ะกงซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ นอกเหนือจากการมากราบไหว้บูชาเพื่อโชคลาภและความเป็นสิริมงคลแล้ว คนสิงคโปร์ก็นิยมมาขอพรให้ท่านเทพเจ้าช่วยปกป้องให้แคล้วคลาดจากศัตรูหรือภัยอันตรายอีกด้วย

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Telok Ayer ทางออก A

2. วัดตันสิชงซู (Tan Si Chong Su Temple)
วัดฮกเกี้ยนโบราณ ซึ่งสร้างอยู่ในบริเวณที่ถือว่าถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยมากที่สุดแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวสามารถมาชมความงดงามของวัดนี้ ที่มีความโดดเด่นด้านการตกแต่งด้วยรูปปั้นสัตว์มงคลต่างๆ รอบบริเวณวัด  จุดพิเศษอีกจุดหนึ่งของวัดนี้ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในบริเวณวัด ซึ่งนักท่องเที่ยวจะนิยมแวะเวียนมาขอพรเกี่ยวกับโชคลาภกันที่บ่อน้ำแห่งนี้อีกด้วย

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Clarke Quay ทางออก B 

3. วัดซัมบาวัง (Sembawang God of Wealth Temple)     
เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือในภาษาจีนเรียกว่า “ ไฉ่ ซิ้ง เอี้ย” นับว่าเป็นเทพเจ้าที่ชาวสิงคโปร์ให้ความเคารพบูชามากที่สุดองค์หนึ่ง ซึ่งที่วัดแห่งนี้เองก็มีเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน โดยองค์เทพเจ้านั้นจะตั้งอยู่บนหลังคา ตัวองค์เทพเจ้าเป็นสีทอง มีความสูงถึง 9.44 เมตร และหนักถึง 8 ตันเลยทีเดียว  ถ้าใครอยากทำธุรกิจรุ่งเรือง ทำการค้าขายคล่องตัว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะมาไหว้ขอพรที่วัดแห่งนี้

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Sembawang ทางออก C

“Route for Love: เพื่อความรัก”

4. วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kuan Im Tng Temple, Joo Chiat )
ภายในวัดนี้ สิ่งที่ดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างแรกคงหนีไม่พ้นรูปปั้นหล่อของพระจุณทีโพธิสัตว์ นอกเหนือจากความศักดิ์สิทธิ์ที่ดึงดูดผู้คนให้มาขอพรกันเรื่องความรักแล้ว วัดนี้ยังเป็นวัดที่มีความสวยงามจากภาพวาดแกะสลักแบบจีนที่มีสีสันลวดลายอันงดงามตระการตา นอกเหนือจากนั้น ผู้ที่ศรัทธาสามารถเข้าร่วมพิธีสวดที่จัดขึ้นได้ในทุกคืนวันเสาร์ เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป หรือหากใครไม่สะดวกก็สามารถเขียนชื่อ เพศ วันเดือนปี เกิด และอายุ ลงในกระดาษสีชมพู จากนั้นนำไปให้เจ้าหน้าที่ประกอบพิธีให้ในวันเสาร์ได้เช่นเดียวเช่นกัน

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Paya Lebar ทางออก  A

5. วัดเยี่ยไห่ชิง (Yueh Hai Ching Temple หรือ Wak Hai Cheng Bio)                           
วัดลัทธิเต๋าที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ ใครที่อยากสมหวังเรื่องความรัก ก็ขอเชิญชวนให้ไปไหว้เทพเจ้า ‘Elder of Moon’ โดยให้นำด้ายสีแดงไปคล้องไว้ที่องค์เทพเจ้าและขอพรเรื่องความรัก ซึ่งผู้ที่มากราบไหว้ต่างสมหวังกันมากมายจนวัดได้รับการขนานนามว่าเป็น “The Love Temple” เลยทีเดียว นอกจากน ภายในวัดยังมีเทพเจ้าอื่นๆให้ได้ทำการอธิฐานขอพรอีก เช่น เทพเกี่ยวกับการขอบุตร และเทพเกี่ยวกับการขอเรื่องความสำเร็จในด้านการศึกษา

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Raffles Place ทางออก D

Thian Hock Keng Temple2

6. วัดเทียนฮกเก๋ง (Thian Hock Keng Temple) 
อีกหนึ่งวัดจีนที่มีจุดประสงค์หลักในการสร้างเพื่อบูชาเจ้าแม่แห่งท้องทะเล หรืออีกชื่อหนึ่งว่าเจ้าแม่ทับทิม (Ma Zu) ซึ่งถือเป็นวัดที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ด้วยลวดลายและฝีมือการแกะสลักที่ประณีตบรรจง โดยเฉพาะรูปปั้นมังกรบนหลังคาที่เห็นโดดเด่นเป็นสง่า จุดเด่นอีกอย่างที่น่าสนใจคือ วัดนี้เป็นวัดเดียวในสิงคโปร์ที่ทำการก่อสร้างโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ในส่วนของวัดนี้นั้นคนส่วนใหญ่จะเน้นขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความสงบสุข ชีวิตคู่ที่ยั่งยืนและราบรื่น โดยเฉพาะใครที่ต้องการขอพรเรื่องบุตรหรือความรักนั้น ห้ามพลาดการไปขอพรต่อเจ้าแม่แห่งท้องทะเลเด็ดขาด

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Telok Ayer Exit  A  จากนั้นเดินจากวัดเยี่ยไห่ชิง ไปทางถนน Telok Ayer มุ่งหน้าไปทาง Chinatown ประมาณ 500 เมตร วัดจะอยู่ทางด้านขวา

????????????????????????????????????

“Route for Luck: เพื่อเสริมดวง”

7. วัดพระเขี้ยวแก้ว (The Buddha Tooth Relic Temple and Museum)
วัดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางย่านไชน่าทาวน์ ถูกออกแบบตามแบบสถาปัตยกรรมจีนในสมัยราชวงศ์ถัง  โดยตัวอาคารจะเน้นสีแดงสด นอกจากนี้ วัดแห่งนี้ยังมีพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นพระทนต์ของพระพุทธเจ้าถูกบรรจุอยู่ในสถูปทองคำตั้งอยู่ด้วย ส่วนชั้นดาดฟ้า ยังมีทั้งสวนดอกไม้สวยงาม รวมไปถึงระฆังยันต์ใบใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง บนตัวระฆังนั้นมีคำย่อสั้นๆ ของบทสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล  มีผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่เพื่อแก้ปีชง เสริมดวง และขอพรจากเทพเจ้าที่คุ้มครองปีเกิด

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Chinatown ทางออก A

8. วัดเจ้าแม่กวนอิมท้งฮุดโจ้ว  (Kwan Im Thong Hood Cho)
วัดที่ชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวนับถือและมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ในทุกๆ วันจะมีผู้คนมากราบไหว้ขอพรกันอย่างเนื่องแน่น ความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ในองค์เจ้าแม่กวนอิมนั้นก็มาจากคนที่มาไหว้ขอพรแล้วมักจะประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ผู้คนยังนิยมมาขอพรเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาวอีกด้วย และสิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้ คือการเสี่ยงเซียมซี เพราะชาวสิงคโปร์เชื่อกันว่าเซียมซีที่นี่แม่นมากที่สุด อยากรู้ว่าแม่นแค่ไหน ต้องไปลองกันด้วยตัวเอง

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Bugis ทางออก C

Sri Mariamman Temple2

Sri Mariamman Temple3

9. วัดศรีมาริอัมมัน (Sri Mariamman Temple)
วัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์แห่งนี้  สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้แด่พระศรีมาริอัมมันหรือพระแม่อุมาเทวีผู้เป็นเทวีแห่งอำนาจและสันติสุข ซึ่งชาวฮินดูในประเทศสิงคโปร์เชื่อกันว่าสามารถช่วยปกปักษ์รักษาผู้คนให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังได้ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมที่งดงามโดดเด่น โดยเฉพาะซุ้มประตูที่ถูกประดับด้วยรูปเทวดาแกะสลักเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มาเยือนในเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน ก็จะได้เห็นพิธีลุยไฟซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอีกด้วย

การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Chinatown ทางออก A

แนะนำกันขนาดนี้แล้ว ก็อย่ามัวรอช้า รีบเตรียมตัววางแผนแพ็คกระเป๋า แล้วไปเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์กันดีกว่า จะทริปยาวหรือทริปสั้นก็เดินทางได้สะดวกสบายไร้กังวล ถ้าใครที่นึกไม่ออกว่าจะขอพรเรื่องอะไร หรือจะไปวัดไหนดี จะลองไปหมดทุกวัดที่แนะนำมานี้ก็ไม่ว่ากัน ถ้าขอพรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลออกมาเป็นอย่างไรก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะจ๊ะ

RECOMMENDED CONTENT

6.มีนาคม.2020

นิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกจากญี่ปุ่นประกาศเปิดตัวนิตยสาร LifeWear (ไลฟ์แวร์) เล่มที่ 2 ภายใต้หัวข้อ “Livable Cities” หรือ เมืองน่าอยู่ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตในเมือง พร้อมเน้นย้ำถึงปรัชญา LifeWear ของยูนิโคล่ นิตยสาร LifeWear เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปี 2562