MUJI คือแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่ใครๆ หลายคนน่าจะชื่นชอบในความเรียบง่ายและใส่ใจรายละเอียดการออกแบบในทุกผลิตภัณฑ์ที่ ‘แบรนด์ที่ไม่แบรนด์’ นี้ตั้งใจทำออกมา ไม่ว่า MUJI จะทำอะไรออกมาก็เรียกว่าต้องเป็นที่ฮือฮากันอยู่เสมอ ทั้งของใช้ เครื่องเขียน เสื้อผ้า เครื่องครัว เฟอร์นิเจอร์ จักรยาน หรือแม้แต่บ้าน! MUJI ก็ทำมาหมดแล้ว
หลังจากที่ MUJI flagship store สาขา Yurakucho กลางกรุงโตเกียวได้ปิดเพื่อทำการรีโนเวทร้านไปสักพัก คราวนี้ MUJI ไม่ได้กลับมาแค่การตกแต่งภายในใหม่ (ที่ก็ไม่ต่างจากเดิมมากนัก) แต่แค่เดินเข้าไปในร้าน ทุกคนก็น่าจะแปลกใจ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เหล่าสินค้าเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์เครื่องแต่งกายแสนเรียบง่ายอีกต่อไป แต่มันคือแผงผักผลไม้นานาชนิดแทน!
MUJI ให้เหตุผลไว้อย่างเรียบง่ายน่ารักว่า การที่แบรนด์นำเอาแผงผักผลไม้มาให้คนเมืองได้จับจ่ายกันถึงที่ ก็เป็นเพราะพวกเขาให้เราได้ลองคิดถึงผู้ผลิต รวมถึงแหล่งปลูกของผักผลไม้เหล่านี้ เพื่อจะได้เห็นและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับตัวเราเองในฐานะผู้บริโภค
ผักผลไม้ทั้งหมดที่วางขายนั้น มีวางขายเฉพาะในฤดูกาลของมัน และส่งตรงมาจากฟาร์มปลอดสารพิษและยาฆ่าแมลง มีการแปะฉลากเพื่อให้เราได้รู้ว่าที่มาที่ไปของผักผลไม้เหล่านี้มาจากไหน มากกว่านั้น MUJI ยังแพลนถึงการนำเอาผักผลไม้หน้าตาประหลาดที่มักถูกคัดทิ้งและกลายเป็นของเสียนำมาขาย เพราะสิ่งที่เราควรใส่ใจไม่ใช่หน้าตาหรือขนาดที่ต้องได้มาตรฐาน แต่คือรสชาติที่แท้จริงของมันต่างหาก ฉะนั้นบนฉลากยังมีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ จากเกษตรกรผู้ปลูก ว่าผักแต่ละชนิดควรทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์และรสชาติสูงสุดอีกด้วย
ส่วนใครที่ขี้เกียจประกอบอาหารก็สามารถไปยัง MUJI Café ซึ่งเดิมอยู่ชั้น 2 และย้ายลงมาที่ชั้น 1 เพื่อเลือกซื้ออาหารที่ทำจากผักผลไม้เหล่านี้ได้อีกด้วย ซึ่งรวมถึงขนมปังและกาแฟคุณภาพที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน ข้างๆ กันคือ MUJI HUT ที่อยู่ขนาดไมโครเพียงแค่ 10 ตารางเมตร ออกแบบโดยยึดหลักปัจจัยสำคัญในชีวิต นั่นคือ เสื้อผ้า อาหาร และที่อยู่อาศัย ซึ่งนั่นก็คือแนวคิดหลักของแบรนด์ MUJI ด้วยนั่นเอง เลยไปอีกหน่อยก็คือร้านขายต้นไม้และกล้าไม้ สำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ที่ชอบเพาะปลูกให้ได้เลือกซื้อกล้าพันธุ์ไปลงดินกันอย่างรื่นรมย์
ส่วนชั้นอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก อย่างชั้นหนังสือซึ่งเปรียบเสมือนเป็นแลนด์มาร์คของร้านที่ออกแบบโดย Torafu Architects ก็ยังคงอยู่ จะมีเปลี่ยนก็คือเรื่องของการแบ่งโซนที่สะดวกแก่การเลือกซื้อมากขึ้น ร้านหนังสือ MUJI Books ก็ถือว่าเป็นอีกไฮไลต์ที่ต้องมาเดินดูหนังสือคัดสรรโดยทีมงาน MUJI ว่ากันว่าร้านนี้น่าจะเป็นสาขาที่มีสินค้าหลากหลายที่สุดสาขาหนึ่งของ MUJI และถ้าจะบอกว่า MUJI ทำและขายตั้งแต่สากกะเบือยันโรงแรมก็ถือว่าไม่เกินจริงนัก
และเราก็เฝ้ารอว่า MUJI จะทำอะไรเกินความคาดหมายอะไรออกมาอีกบ้าง และเชื่อใจได้เลยว่า ไม่ว่า MUJI จะทำอะไรออกมาขาย เราก็ต้องอยากได้มาเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน
—
RECOMMENDED CONTENT
เพลงนี้พูดถึงเรื่องราวเวลาที่เราแอบชอบใครสักคนอยู่ แล้วความสัมพันธ์นั้นมันไม่ค่อยชัดเจน เราก็บอกกับเขาว่าเราเดาไม่เก่งนะ