CONTACT US

‘No More Whitening’ เมื่อประเทศกาน่าแบนลัทธิขาวนิยมในแอฟริกา
date : 21.มิถุนายน.2016 tag :

No More Whitening dooddot 1

เคยนับไหมว่าใน 1 วัน เราเห็นโฆษณาชวนเชื่อจากผลิตภัณฑ์ประทินผิวกันวันละกี่ครั้ง บางวันแทบไม่ต้องเปิดโทรทัศน์ก็เจอ ไม่ว่าจะผ่านป้ายโฆษณาในรถไฟฟ้า หรือบังเอิญเขี่ยโทรศัพท์มาเจอโฆษณาแฝงในเฟซบุ๊ก ซึ่งเชื่อเถอะว่ากว่า 80 % ในนั้นล้วนกรอกหูเราอยู่ทุกวันว่าความ ‘ขาว’ คือความ ‘สวย’

ไม่ใช่แค่ในบ้านเราที่ถูกลัทธิขาวนิยมเข้าครอบงำ หลายประเทศในแอฟริกาก็กำลังต่อสู้กับค่านิยมความขาวนี้อยู่เหมือนกัน ผู้หญิงจำนวนมากแห่ไปซื้อครีมไวท์เทนนิ่งกันเป็นแถว หลงเชื่อคำเคลมว่าพอใช้ปุ๊บผิวก็ปังปั๊บภายใน 3 นาที (เร็วพอๆ กับต้มมาม่าแหนะ) แต่ผลที่ได้นอกจากจะไม่ปังแล้วยัง ‘พัง’ จากสารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ที่มักจะใส่มาในผลิตภัณฑ์ประเภท Skin lightening ทั้งหลาย ทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงจนอาจนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนัง หรือบางเคสก็ไม่สามารถกู่หน้าเดิมกลับมาได้อีกตลอดชีวิตที่เหลืออยู่

รัฐบาลและหน่วยงานด้านอาหารและยาของประเทศกาน่ามองว่างานนี้เริ่มไม่ตลก จึงออกมาตรการสั่ง ‘แบน’ ผลิตภัณฑ์จำพวก Skin Bleaching ที่มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจกว่าพันล้านในแอฟริกาอย่างจริงจัง พร้อมจับมือกับออสเตรเลีย สหรัฐฯ รวมถึงญี่ปุ่นในครั้งนี้ด้วย

เหตุผลใหญ่ของการงทุนเปลี่ยนสีผิวเข้มๆ ที่ได้ติดตัวมาแต่กำเนิดของสาวแอฟริกานั้นไม่ได้แค่มาจากค่านิยมความสวยปกติทั่วๆ ไป แต่คือการรู้สึกว่าพวกเธอถูก ‘เหยียด’ จากฝั่งตะวันตกทั้งโดยตรงและแบบเนียนๆ แอบแฝงมาในสถานะทางสังคม สังคมที่พวกเธอต้องใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน สุดท้ายก็มาจบอีหรอปเดิมคือลัทธิแบ่งแยกสีผิวที่ไม่เคยหายไปโลก เอาจริงๆ ไอ้เรื่องจะกำจัดไวท์เทนนิ่งให้สิ้นซากไปเลยน่ะง่ายกว่าเยอะ! 

RECOMMENDED CONTENT

1.กรกฎาคม.2024

เพลงนี้เล่าถึงแรงเสียดทานในชีวิตที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดบนโลกก็ล้วนแล้วแต่ต้องพบเจอแรงเสียดทานนี้ ที่เกิดขึ้นจากการกดทับโดยบริบททางสังคม วัฒนธรรม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันในแบบต่าง ๆ ที่คนคนหนึ่งต้องเจอ เพราะถึงแม้จะนับ 1 ถึง 100 เพื่อที่จะทำให้ตัวเองสงบใจ แต่สุดท้ายวันหนึ่งสิ่งนี้มันก็อาจจะเกินกว่าที่จะทนไหว และปลดปล่อยความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ออกมาก็เป็นได้

preload imagepreload image