fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#WineTips : อย่าดื่มไวน์แบบ “สน็อบ”
date : 19.มกราคม.2018 tag :

อย่าดื่มไวน์แบบสน็อบ

….”ผมไม่กินไวน์ออสเตรเลีย เพราะเป็นไวน์เบลนด์…..!!”

ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อว่าเป็นคำพูดของ ผู้บริหารระดับใหญ่คนหนึ่ง ของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีกิจการนานาชนิด..

…”เบลนด์ ยังไงครับ !!”….ผมถาม

…”เบลนด์ด้วยเคมี…!!!!” ..

…”เคมีเคมี เคมีอะไรครับ...!!!…?”…ผมย้ำอยู่หลายครั้ง เพราะบริษัทที่ท่านเป็นผู้บริหารก็ขายเคมีด้วย หรือจะขายเคมีให้กับบริษัทไวน์ถึงได้รู้…!!!

ถึงตอนนี้ท่านตอบแบบอ้ำ อึ้ง และถ้าจะไล่ให้จนตรอกก็สามารถทำได้ แต่ผมไม่ทำ เพราะยังให้เกียรติท่านในฐานะที่รู้จักกันมากว่า 20 ปี ได้แต่คิดในใจ….

เพราะมีผู้บริหารแบบนี้ ครั้งหนึ่งบริษัทที่ท่านทำงานเคยนำไวน์ถึงได้เจ๊ง ตอนนั้นท่านก็เข้าทำงานที่บริษัทนี้แล้ว ขณะที่ธุรกิจอย่างอื่นเติบโตวินาทีแล้ว วินาทีเล่า จนแทบจะเป็นเจ้าของประเทศไทย….”

ในฐานะที่เคยทำไวน์จริง มาแล้วจึงอธิบายให้ท่านฟังว่า การเบลนด์” (Blend) ที่ท่านคิดฝังหัวนั้นในภาษาไวน์หมายถึงการนำองุ่นหลาย พันธุ์มาเบลนด์กัน เพื่อเอาคุณสมบัติขององุ่นแต่ละสายพันธุ์มาส่งเสริมกันและกันไม่ใช่เกิดจากการเติมสารเคมีลงไป…!!!

การไปพูดว่าไวน์ยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้ เบลนด์หรือใส่สารเคมี เกิดรู้ถึงหูผู้ผลิตไวน์นั้น มีโอกาสถูกฟ้องได้..

เรื่องเคมีนี้นอกจากท่านแล้ว เชื่อหรือไม่ว่ายังมีอีกหลาย คนคิดเหมือนกัน ที่สำคัญคนพวกนี้เป็นระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจการ ฯลฯ เงินทองรวยล้นฟ้า กินชาตินี้และชาติหน้าก็ไม่หมด

ถามว่าคนพวกนี้ดื่มไวน์อะไร ? ส่วนใหญ่เป็นไวน์ฝรั่งเศส

ถามอีกครั้งว่าทำไมต้องเป็นไวน์ฝรั่งเศส ? เพราะไวน์ฝรั่งเศสไม่เบลนด์ !!!

แสดงว่าความหมายของคำว่าเบลนด์ของคนกลุ่มนี้คือการใส่สารเคมี

จริง แล้วฝรั่งเศสนั่นแหละคือยอดฝีมือแห่งการเบลนด์ด้วยการนำองุ่นหลายพันธุ์มาเบลนด์กัน บางพื้นที่ใช้มากถึง 12-13 สายพันธุ์ การเบลนด์นี้ทำให้ได้ไวน์เอร็ดอร่อยจนอีกหลาย ชาตินำกรรมวิธีนี้ไปใช้ ที่ดัง และถูกนำไปใช้ในหลายประเทศคือ บอร์กโดซ์ เบลนด์” (Bordeaux Blend)

การเบลนด์นี้หลายคนเอาไปใช้ผิด โดยเรียกทุกอย่างว่าบอร์กโดซ์ เบลนด์  จริง บอร์กโดซ์ เบลนด์ ต้องใช้องุ่นที่ปลูกในบอร์กโดซ์เท่านั้น หลัก ก็คือกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) แมร์โลต์ (Merlot) เปติต์ แวร์กโดต์ (Petite Verdot) เป็นต้น ถ้านำซีฮราหรือซิราซ (Syrah/Shiraz) มาเบลนด์ไม่เรียกว่าบอร์กโดซ์ เบลนด์ เพราะเป็นองุ่นแคว้นโฮรน (Rhone) เป็นต้น

มีบางคนบอกว่าเป็นผู้บริหารต้องโง่ เป็นคนรวยต้องโง่ !! ผมบอกว่าคงไม่ใช่ เพราะถ้าโง่คงไม่เป็นผู้บริหาร หรือร่ำรวย แต่เป็นเพราะการไม่เปิดใจกว้างยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น และการไม่ศึกษาหาข้อมูลกับสิ่งใหม่ ที่ผ่านมาเคยคิดอย่างไร เชื่ออย่างไรก็ย่ำอยู่อย่างนั้น ในภาษาการดื่มไวน์เรียกว่าสน็อบ” (Snob) คือรู้อย่างเดียวว่าได้ดื่มของแพง แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ดื่มลงไปในกระเพาะนั้นคืออะไร ?

ผมเคยนั่งร่วมโต๊ะไวน์ดินเนอร์กับผู้ใหญ่คนหนึ่งที่จัดงานแสดงรถยนต์รายการใหญ่ ดื่มได้สักพักอาการคุยเสียงดังเสมือนข่มเพื่อนร่วมโต๊ะก็ออกมาเป็นชุด ว่า เคยดื่มไวน์ขวดละเป็นแสน ชาโตโน่น ชาโตนี่ คงจะเห็นว่าเพื่อนร่วมโต๊ะละอ่อนกว่าคงไม่เคยดื่ม ผมถามว่า…”ชาโตราคาเป็นแสนที่ท่านดื่มรสชาติเป็นอย่างไร ?” ท่านตอบได้ 2-3 คำ…”หอม หวาน นุ่ม” …แค่นั้นจริง ผมเลยบอกว่าครับท่านอันนั้นเรียกว่าแค่ได้ดื่มของแพงเท่านั้น แต่ไม่ได้ดื่มไวน์จริง คนพวกนี้มีเยอะครับ เชื่อว่าท่านที่เคยไปงานแบบนี้ต้องเจอ !!

กลับมาเรื่องเคมีอีกครั้ง ถ้าเป็นไวน์จริง ไม่สามารถใส่สารเคมีใด ลงไปในไวน์ได้ รวมทั้งกลิ่นผลไม้นานาชนิด และกลิ่นอื่น ที่อยู่ในไวน์และผู้เชี่ยวชาญดมได้ว่ามีกลิ่นโน้นกลิ่นนี้ 

มีอย่างเดียวเท่านั้นที่สามารถใส่ลงไปในขวดไวน์ได้นั่นคือซัลเฟอร์ไดออกไซด์” (Sulfur Dioxide / Sulphur Dioxide) จัดเป็นก๊าซพิษ แต่มีประโยชน์สำหรับภาคอุตสาหกรรม และการเกษตรเพื่อฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ฯลฯ

ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ถูกนำมาใช้ในแวดวงไวน์เพื่อฆ่าจุลินทรีย์บางตัวที่ทำให้ไวน์เสียเร็ว จริง แล้วซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิดตั้งแต่กระบวนการหมักไวน์  ไวน์โลกเก่าที่ไม่เคยใช้ก็ต้องใช้ เพราะมีจุลินทรีย์สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นเรื่อย แต่ต้องใช้ในปริมาณที่กำหนด และต้องระบุไว้ในฉลากข้างขวดว่าContains Sulphur DioxideหรือContains Sulfitesประมาณนี้ ท่านที่มีไวน์อยู่ในมือตอนนี้ลองดูที่ฉลากก็ได้ ที่สำคัญต้องเป็นไปตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดไว้เท่านั้น 

ในเมืองไทยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไวน์ มอก. 2089-2544 กำหนดให้มีปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร ส่วนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 214 (..2543) กำหนดให้มีปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิท (Hermectically Sealed Container) ได้ไม่เกิน 70 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เป็นต้น

โลกยุคใหม่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาผู้บริหารเป็นกลุ่มที่ต้องตามการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ทันมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องไวน์ อย่าดื่มไวน์แบบสน็อบเพราะอย่างน้อยคนรุ่นใหม่รอบ ตัวท่านบางคนอาจจะมีความรู้มากกว่า ท่านกล้ายอมรับสิ่งที่พวกเขาแสดงความเห็นหรือไม่ ?

—————

Writer : Thawatchai Tappitak