fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#WineTips : “โรเบิร์ต มอนดาวี” เจ้าพ่อไวน์นาปา แวลลีย์ Part 1
date : 17.มกราคม.2019 tag :

Wine Tips Robert Mondavi Winery history Part 1 DOODDOT cover

อ่านเรื่องราวค่อนข้างซีเรียสมาหลายตอน ขอสลับสับเปลี่ยนบรรยากาศเป็นเรื่องสนุกๆ สบายๆ กันบ้าง แต่เป็นสนุกและสบายที่เป็นเรื่องจริงของวงการไวน์ ดั่งความจริงที่ว่า…..ไวน์ทุกหยาดหยดมีเรื่องราวและตำนาน

เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2016 ที่ผ่านมา เป็นอีกวันหนึ่งแห่งความโศกเศร้าของวงการไวน์แคลิฟอร์เนีย และนาปา แวลลีย์ (Napa Valley) เมื่อ“ปีเตอร์ มอนดาวี” (Peter Mondavi) หนึ่งในผู้นำการบุกเบิกไวน์แคลิฟอร์เนีย เสียชีวิตที่บ้านในเมืองเซนต์ เฮเลนา (St Helena) ในนาปา แวลลีย์ (Napa Valley) ด้วยวัย 101 ปี 

Peter Mondavi เป็นน้องคนสุดท้องในจำนวน 4 คนของครอบครัว Mondavi โดย 2 คนแรกเป็นผู้หญิง ส่วนคนที่ 3 คือพี่ชายของเขาโด่งดังมากคือ โรเบิร์ต มอนดาวี (Robert Mondavi) เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อไวน์นาปา แวลลีย์” (Napa Valley) ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2008 ด้วยวัย 94 ปี 

ชื่อเสียงของ Robert Mondavi นั้นคอไวน์ทั่วโลกรวมทั้งเมืองไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ไวน์ที่ผ่านมันสมองและสองมือของเขาเป็นที่โหยหาของคอไวน์ทั้งรุ่นใหม่วัยกระเตาะ และรุ่นเก่าเก๋ากึ๊ก แค่เอ่ยชื่อไวน์ Robert Mondavi และ Opus One มนต์ขลังก็ยากจะบรรยาย… 

Peter Mondavi ดูแลไร่ Charles Krug Winery หนึ่งในไวน์เนอรี่ที่เก่าแก่ที่สุดในแคลิฟอร์เนียมาโดยตลอด หลังจากครอบครัวของเขาซื้อมาในปี 1861 และมีเรื่องการบริหารงานขัดแย้งกับพี่ชาย จน Robert Gerald Mondavi ต้องแยกตัวออกมาสร้างอาณาจักรใหม่จนโด่งดัง

Robert Mondavi Winery ถูกขายให้กับ Constellation Brands ในปี 2004 ขณะที่ Peter Mondavi ยังรักษา Charles Krug Winery มรดกดั้งเดิมของครอบครัวเอาไว้ และซื้อไร่เพิ่มอีกหลายแห่ง ขณะที่ Charles Krug Winery ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตไวน์ในนาปา แวลลีย์เจ้าแรกที่สั่งโอคฝรั่งเศสมาบ่มไวน์

Wine Tips Robert Mondavi Winery history Part 1 DOODDOT 3

ต่อไปนี้คือเรื่องราวของ “โรเบิร์ต มอนดาวี” ที่เป็นยิ่งกว่าตำนานแห่งโลกเมรัยอมตะ..

ว่ากันว่าเรื่องราวของไวน์นาปา แวลลีย์ (Napa Valley) จะไม่สมบูรณ์เลยถ้าไม่พูดถึง “โรเบิร์ต มอนดาวี” (Robert Mondavi หรือชื่อเต็ม Robert Gerald Mondavi / 18 June 1913 – 16 May 2008) เพราะว่าเรื่องราวทั้งหมดตลอดเส้นทางของครอบครัว Mondavi คือ…ประวัติการต่อสู้ของไวน์ในนาปา แวลลีย์ แทบทั้งหมด

ปี 1908 เซซาร์เร (Cesarre) หอบหิ้วภรรยาโรซา (Rosa) จากแคว้นมาร์เค (Marche) ดินแดนทางฝั่งตะวันออกของอิตาลี อพยพสู่แผ่นดินอเมริกา ในฐานะคนงานที่ถูกเกณฑ์มาทำงานเหมืองแร่ ในรัฐมินนิโซตา พร้อมกับให้กำเนิดทายาท 4 คน….มาเรีย (Maria),เฮเลน (Helen),โรเบิร์ต (Robert) และปีเตอร์ (Peter) โดย Cesarre ร่วมกับเพื่อนเปิดตลาดเล็กๆ ขายของให้กับคนอิตาเลียนด้วยกัน และเปิดบาร์เล็กๆ เป็นที่พบปะสังสรรค์คนบ้านเดียวกัน

จุดเปลี่ยนผันของชีวิตเริ่มต้นเมื่อ Cesarre ตัดสินใจย้ายครอบครัวทั้งหมดมาลงปักหลักตั้งรกรากที่แคลิฟอร์เนีย ที่เมืองโลได (Lodi) ศูนย์กลางขององุ่นการเพาะปลูกองุ่น และเปิดบริษัท C. Mondavi and Sons เป็นกิจการบรรจุหีบห่อผลไม้รับซื้อองุ่นจากเกษตรกรส่งไปขายในรัฐต่างๆ โดยเฉพาะรัฐมินนิโซตาที่เขามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และส่งกลับไปอิตาลี

Wine Tips Robert Mondavi Winery history Part 1 DOODDOT 2

Robert เติบโตขึ้นมาอย่างเด็กท้องไร่ท้องนาทั่วๆ ไป แต่สิ่งเดียวที่เขาแตกต่างไปจากเด็กอื่นๆ ก็คือ….ความมุ่งมั่นใฝ่ดี และความอยากจะเป็น “หนึ่ง” ในทุกๆ ด้านๆ
ตั้งแต่วัยเด็ก Robert เล่นหรือแข่งขันอะไรก็ต้องเป็นแชมป์ ทั้งนักฟุตบอล และว่ายน้ำแม้แต่การต่อลังใส่องุ่น ที่เขาและ Peter น้องชาย ต่างแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

Robert เข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย Stanford มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยวางแผนว่าอยากจะเป็นนักธุรกิจ หรือนักกฎหมาย และจบในปี 1937 ขณะที่ Peter จบตามหลังในปีต่อมา

Wine Tips Robert Mondavi Winery history Part 1 DOODDOT 1

วันหนึ่งพ่อได้ปรึกษาขอความเห็นจากลูกๆ ว่า ….”เกษตรกรองุ่นที่เคยติดต่อกัน ตอนนี้หันไปผลิตไวน์ขายดิบขายดีกันเป็นแถวๆ..เราน่าจะลองดูบ้าง.. ความคิดนี้ตรงกับ Robert พอดีเพราะรู้ว่าพ่อมีประสบการณ์ในการคบค้ากับเกษตรกรมานาน และเชี่ยวชาญในสายพันธ์องุ่นต่างๆ พ่อทิ้งประโยคหนึ่งให้กับ Robert “องุ่นที่ทำไวน์ได้ดีที่สุด ต้องมาจาก นาปา  แวลลีย์ เท่านั้น !!

Robert จึงเข้าเรียนวิชาเคมีสำหรับการผลิตไวน์ขึ้นมาด้วยอีกวิชาหนึ่ง..ตามด้วยวิชาภาคพื้นธรณีวิทยาของการเพาะปลูกองุ่น หลังจากจบการศึกษา Robert ไปหาประสบการณ์ด้วยการไปทำงานกับ Sunninghill Winery ไร่ไวน์เล็กๆ ที่พ่อมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย ในฐานะผู้ช่วยของแจ๊ค เจ้าของไร่ เขาต้องทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ รายได้ไม่มากแต่ทำให้เขาหลงรักและความมุ่งมั่นที่จะทำไวน์ออกมาด้วยมือของตัวเอง…และต้องเป็นไวน์ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้..!!

Robert Mondavi แต่งงานกับ Marjorie Declusin ในปี 1937  แล้วย้ายมาอยู่ในเมือง St. Helena ใกล้ๆ กับครอบครัว พร้อมความใฝ่ฝันเต็มเปี่ยมที่จะผลิตไวน์คุณภาพดี บ่มในถังโอค  ซึ่งขณะนั้นส่วนใหญ่ทำไวน์แบบหมักและขายสดๆ ในรูปแบบของไวน์ใหญ่ และใส่แทงค์ส่งขึ้นรถไฟไปขายต่างรัฐ บ้างก็มีนายหน้ารับไปบรรจุขวดขายเอง ทำรายได้ดี จึงไม่มีใครทำอย่างอื่น

ความฝันสะดุดลงเพราะอเมริกาได้เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวไร่องุ่นในนาปา แวลลีย์ จึงต้องเปลี่ยนไปปลูกพืชผลไม้ เพื่อส่งเสบียงให้ทหาร โดย Robert ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเป็นทหาร แต่ Peter ต้องเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2

ปี 1943 เป็นข่าวดีและโอกาสทอง เมื่อไวน์ Charles Krug Winery ที่โด่งดังถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานจึงประกาศขาย ซึ่ง Robert รู้จักไร่นี้ดีเหมือนกับบ้านตัวเอง และก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1861 บนเนื้อที่กว่า 500 เอเคอร์ ด้านเหนือของเซนต์ เฮเลนา เป็นหนึ่งในไวนะรี่ที่เก่าแก่ที่สุดในแคลิฟอร์เนีย

Wine Tips Robert Mondavi Winery history Part 1 DOODDOT 6

Wine Tips Robert Mondavi Winery history Part 1 DOODDOT 7

พ่อของเขาซื้อไร่ Charles Krug Winery โดยมีข้อแม้ว่า…..”ต้องเป็นธุรกิจแบบครอบครัวที่พี่น้องทุกคนมีส่วนแบ่งเท่ากัน และต้องมาช่วยกันทำงาน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง….” เป็นครั้งแรกที่ Robert ร่วมงานกับครอบครัว

ตระกูลมอนดาวีได้เป็นเจ้าของไร่ Charles Krug Winery และยังรักษาชื่อเก่า เพื่อผลทางการค้าขาย เพราะตอนนั้น มอนดาวียังไม่มีใครรู้จัก…และหลังจาก Peter ปลดประจำการทหารกลับมาจากสงครามโลก ก็ได้เข้ามาช่วยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ชาย โดยแบ่งงานกันอย่างชัดเจน Peter ดูแลการผลิต ส่วน Robert ทำหน้าที่ด้านการตลาด

พี่น้องคู่นี้มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง Robert เป็นคนรื่นเริง เพื่อนฝูงเยอะ สังคมเก่ง ทุกอย่างสำหรับเขาต้องเนี๊ยบ ส่วน Peter เป็นคนเงียบๆ ขยัน ไม่สนใจในเรื่องอื่นนอกจากเรื่องการผลิตไวน์แบบต้นฉบับที่เคยอย่างไหน ก็จะคงอยู่อย่างนั้น แต่ก็สามารถทำงานด้วยกันตลอด 25 ปี เพราะผู้เป็นพ่อที่ลูกทุกคนต่างเกรงกลัว….

….เรื่องราจะเป็นอย่างไร ติดตามตอนจบในครั้งต่อไป ..!!!

Writer : Thawatchai Tappitak

RECOMMENDED CONTENT

22.มกราคม.2020

เบื้อหลัง The Fast and the Furious: Tokyo Drift ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2006 กำกับโดย Justin Lin เป็นหนึ่งภาคที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้ถึง 5,300 ล้านบาท