fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#STYLE — เรื่องราวของคอลเล็กชั่นสุดท้าย ธงสีรุ้ง LGBTQ+ และการวางมือของ Christopher Bailey ประธานและ Chief Creative Officer แห่งแบรนด์ Burberry
date : 19.กุมภาพันธ์.2018 tag :

เมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคมปีก่อน (2017) วงการแฟชั่นต่างตกใจและสั่นสะเทือนเคลื่อนไหว ไปกับข่าวการประกาศอำลาตำแหน่งของประธาน และ Chief Creative Officer ของแบรนด์ BurberryChristopher Bailey (คริสโตเฟอร์ เบลี่ย์)

เบลี่ย์ ในฐานะดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ ที่ทำงานกับ Burberry มานมนานถึง 17 ปี ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับวงการแฟชั่นโลกมากมาย อาทิ การจัดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบ ‘See Now, Buy Now‘ ที่เมื่อเราเห็นสินค้าชิ้นใดบนรันเวย์ ก็ไม่จำเป็นต้องรออีกหลายเดือนเพื่อสินค้าเข้าร้าน แต่สินค้าจากบนรันเวย์นั้นจะมีขายทันทีที่ร้านทั่วโลกหลังจากโชว์รันเวย์จบ เป็นต้น

จากข่าวการประกาศอำลาตำแหน่งของเบลี่ย์ ก็ทำให้ผู้คนต่างจับตามองคอลเล็กชั่นสุดท้ายของเขาที่ทำกับ Burberry ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จะเป็นการส่งท้ายและอำลาได้อย่างภาคภูมิหรือไม่

โดยไม่กี่วันก่อนรันเวย์โชว์ของ London Fashion Week 2018 ทางอินสตาแกรมของ Burberry ได้อัพเดทภาพแพทเทิร์น tartan สุดคลาสสิกที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ที่ถูกแทรกด้วยลวดลาย stripe ของธงสีรุ้ง สัญลักษณ์ของ LGBTQ+ ภายใต้ #TheRainbowcheck

ก่อนที่จะเสริมรายละเอียดที่มาที่ไปของแพทเทิร์นนี้ว่า #TheRainbowcheck เกิดขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการมองโลกในแง่ดี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยเบลี่ย์ได้เสริมว่า เขาต้องการให้คอลเล็กชั่นที่กำลังจะเปิดตัวครั้งแรกใน London Fashion Week นี้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนองค์กรที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่น LGBTQ+ ทั่วโลก

“ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะสำคัญไปกว่านี้แล้ว เวลาที่เราจะได้พูดถึงความหลากหลายที่ครอบคลุมอยู่ในทุกๆ ความแข็งแกร่งและความคิดสร้างสรรค์ของทุกคน”

โดยรายได้จากการจัดจำหน่ายคอลเล็กชั่นนี้ จะถูกส่งต่อให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร 3 แห่ง ได้แก่ Albert Kennedy Trust, Trevor Project และ International Lesbian, Gay, Bisexual, Trans and Intersex Association (ILGA)

สิ้นสุดการรอคอย วันเสาร์ที่ผ่านมา (17 กุมภาพันธ์ 2561) ก็ถึงเวลาที่ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่รันเวย์ของ Burberry ใน London Fashion Week ทุกคนเตรียมพร้อม แสงไฟในฮอลล์ดับลง…

ไฟรันเวย์เริ่มฉายขึ้นทีละดวง ก่อนกวัดแกว่งไปมาฉายภาพคอนเซ็ปต์ที่ทาง Burberry บอกว่า คอลเล็กชั่นนี้คือการพูดถึง ‘เวลา’ เวลาสะท้อนถึงอดีต เฉลิมฉลองให้กับปัจจุบัน และแจ้งให้ทราบถึงอนาคต จากนั้นเพลง Smalltown Boy ของ Jimmy Somerville ก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับนางแบบคนแรก Adwoa Aboah (นางแบบบนปก Vogue UK ฉบับแรกสุดของบรรณาธิการคนใหม่ Edward Enninful) เดินเข้าสู่รันเวย์ด้วยกระโปรงจีบแซมด้วยแถบสีรุ้ง และเสื้อฮู้ดดี้โอเวอร์ไซส์ สกรีนลายกราฟิตี้สีชมพูลุคโดดเด่น

จากนั้นเราก็จะได้เห็นการแทรกแซมและ celebrate ความ LGBTQ+ ในหลากหลายไอเท็มของ Burberry ทั้งหมวกแก็ป เสื้อกันลม กระเป๋าถือ หรือแม้แต่รองเท้าผ้าใบ ซึ่งแน่นอนว่าไอเท็มทั้งหมดนี้ เมื่อจบโชว์แล้ว ทุกคนก็สามารถ See Now, Buy Now ได้ทั้งที่ร้านและเว็บไซต์ได้ทันทีเลย

โชว์ปิดท้ายนางแบบคนสุดท้ายก็คือ Cara Delevingne (Model of the Year ของ British Fashion Awards 2012) ในชุดคลุมเฟอร์ธงสีรุ้ง ตอกย้ำการเฉลิมฉลองความ LGBTQ+ ในคอลเล็กชั่นนี้ให้ชัดเจนขึ้นยิ่งกว่าเดิม

โดยในพาร์ทไฟนอล แบบทั้งหมดได้เดินผ่านอุโมงค์ที่ถูกยิงแสงเป็นสีรุ้ง และจบอย่างสมบูรณ์ด้วยการที่ผู้ชมทั้งฮอลล์ลุกขึ้น standing ovation ให้กับ Christopher Bailey ในฐานะโชว์สุดท้ายที่ปิดฉากการทำงานตลอด 17 ปีของเขากับ Burberry อย่างสมบูรณ์

แน่นอนว่า เมื่อโชว์บนรันเวย์จบลง กระแสที่เกิดขึ้นตามมาคือเสียงชื่นชม และถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของวงการแฟชั่นฝั่งอังกฤษที่น่าประทับใจเลยทีเดียว

ส่วนใครจะมาแทนเบลี่ย์ก็ต้องดูกันต่อไป จะเป็น Kim Jones ที่เพิ่งออกจาก Louis Vuitton, Phoebe Philo จาก Céline หรือว่าจะเป็น Stuart Vevers ที่เคยทำงานเฉพาะส่วน Accessories ให้กับ Burberry มาก่อน ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

ข่าวคราวก็คงจะตามมาในไม่ช้านี้ โดยไม่ต้องให้คุกกี้ทำนายกัน แต่ที่แน่ๆ …ขอตัวไปสอยสักไอเท็มสองไอเท็มในเว็บไซต์ก่อน เอาให้สมกับความ See Now, Buy Now ที่เบลี่ย์เป็นคนริเริ่มขึ้นมานั่นเอง

RECOMMENDED CONTENT

30.สิงหาคม.2019

หลังจากที่เริ่มเดินบนเส้นทางสายนักดนตรีอย่างจริงจังได้ไม่นาน ก็กลายเป็นอีกหนึ่งศิลปินหญิงที่น่าจับตามองมากที่สุดในช่วงเวลานี้ไปแล้ว สำหรับศิลปินหญิงมากความสามารถอย่าง “Valentina Ploy” (วาเลนติน่า พลอย) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) เพราะด้วยความสามารถทางด้านดนตรี ทั้งแต่งเนื้อร้องทำนองเองทั้งหมด