สาวๆ กับการขัดสีฉวีวรรณเหมือนเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ปางก่อน เราไม่เถียงว่าข้อดีของการสครับคือช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว เมื่อพื้นฐานผิวดี ก็ทำให้เมคอัพหรือผลิตภัณฑ์บำรุง ซึบซาบเข้าสู่ผิวได้เต็มๆ แถมช่วยขจัดสิวเสี้ยนกวนใจของสาวๆ ได้อยู่หมัด แต่งหน้าเมื่อไรก็เด้งเมื่อนั้น แต่ถ้าสครับผิดวิธีตามความเชื่อผิดๆ ที่ใคร ‘เขาบอกว่าดี’ แทนที่จะปัง ก็มีหวังผิวพังก่อน มาค่ะ เรามีวิธีสครับแบบไม่ทำร้ายผิวที่คุณก็ทำเองได้ที่บ้านมาฝาก ไปดูกัน!
1. บ่อยแค่ไหนถามใจดู
ลืมสูตรที่ว่ายิ่งสครับบ่อยยิ่งดีไปได้เลย โอเค มันช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เร็วที่สุดก็จริง แต่ถ้ามากเกินไป มันคือการทำร้ายผิวอย่างจังเลยนะ โดยเฉพาะผิวหน้าที่บอบบางกว่าส่วนไหน ลองสังเกตดูว่าลักษณะผิวของตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าคุณต้องเจอแดดจนผิวคล้ำเสียเป็นประจำ และมีผิวมันเป็นพิเศษ สครับสัปดาห์ละครั้งก็พอ แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งเข้าขั้นเซ้นซิทีฟ (แม้จะไม่ใช่ฤดูหนาวก็ตาม) ก็ไม่ควรสครับมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้พักจากการถูกเสียดสีบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกแล้วละว่าอ่อนโยนต่อผิวแค่ไหน ถ้าผลิตภัณฑ์ตัวเก่งของคุณไม่ทำร้ายผิวก็สามารถสครับได้ทุกวันไม่มีปัญหา
2. ตัวช่วยดีก็จบ
ผิวที่ถูกเสียดสีบ่อยๆ จะทำให้ผิวเกิดรอยแดง แห้งกร้าน การสร้างเม็ดสีของผิวเกิดอาการผิดปกติ ก่อให้เกิดการอักเสบเป็นจุดด่างดำ แถมไวต่อมลภาวะต่างๆ อีก กว่าจะหายคงไม่สนุกแน่ ทางที่ดีควรเลือกแปรงขัดหน้าขนนุ่ม หรือแผ่นซิลิโคนที่ไม่แข็งจนเกินไป สลับกับการนวดเบาๆ ด้วยมือแทนบ้าง ถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดบีดส์ช่วยขัดผิวไปในตัวได้ยิ่งดี เพื่อการขัดผิวอย่างอ่อนโยนโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองภายหลังไงละ
3. โฟกัสทุกซอกทุกมุม
สครับจะเวิร์คสุดๆ เมื่อตัวเปียก อาจจะทำก่อนหรือหลังอาบน้ำก็ได้ เพื่อให้รูขุมขนเปิดรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างเต็มที่ แถมยังเพิ่มความชุ่มชื้นและเตรียมผิวให้นุ่มขึ้นด้วย โดยเริ่มจากนวดเป็นลักษณะวงกลม (ด้วยมือหรืออุปกรณ์คู่ใจของคุณ) เหมือนเป็นการทำสปาสุดฟินไปในตัว โดยเน้นบริเวณที่ผิวหยาบกร้านมากที่สุด เช่น ข้อศอก หัวเข่า ส้นเท้า และสครับเบาๆ บริเวณ ข้อพับ ท้องแขน ต้นขาด้านใน คอ อ้อ! แต่อย่าลืมจุดสำคัญบนใบหน้าอย่างซอกจมูกและคาง ที่มักจะมีสิวเสี้ยนซ่อนอยู่ด้วยละ และควรหลีกเลี่ยงการสครับบริเวณผิวที่เป็นแผล และรอบดวงตา เพราะเป็นจุดเซ้นซิทีฟที่สุดซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยกวนใจก่อนวัยตามมา
4. มอยซ์เจอไรเซอร์ต้องมา!
หลังจากการขัดผิวทุกครั้ง สิ่งที่ห้ามลืมเป็นอันขาดคือการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ ที่มีคุณสมบัติ Skin Repair และช่วย Cool-down ผิวที่ถูกเสียดสี ป้องกันผิวแห้งกร้าน แต่ควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Acid อย่าง วิตามินซี เพราะอาจยิ่งทำให้ผิวเกิดอาการแสบผิวได้ แต่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีวิตามินอี อะโวคาโด เชียร์บัตเตอร์ หรือข้าวโอ๊ตแทน เพราะมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
5. สครับที่ใช่ มีชัยไปกว่าครึ่ง
ต่อให้ดูรีวิวเป็นร้อยกระทู้ หรือใครว่าอะไรดี ก็ไม่ชัวร์หรอกว่าผลิตภัณฑ์ที่เขาว่าดีนั้นจะเหมาะกับคุณ ถ้าไม่รู้จะเลือกยังไง ลองเริ่มจากสังเกตสภาพผิวตัวเองแล้วดูว่าสครับที่คุณใช้มีส่วนผสมที่ตอบโจทย์สภาพผิวหรือเปล่า เช่น ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง ผิวมัน เป็นสิว ฯลฯ รวมถึงส่วนผสมตัวไหนที่อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือสารเคมีมากเกินไป
เราแนะนำสครับบำรุงผิวหน้า ST.IVES ตัวช่วยสุดเลิฟของสาวๆ ส่งตรงจากสหรัฐอเมริกาที่ฮิตติดลมบนมายาวนานกว่า 35 ปี การันตีด้วยรางวัลจาก ‘Allure Reader Choice Award’ ให้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกายจากส่วนผสมและสารสกัดจากธรรมชาติ 100% สาวๆ มั่นใจได้เลยว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ผ่านการทดสอบอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังว่าปราศจากสารพาราเบนหรือสารกันเสีย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ตบเท้ามาทั้งสครับสำหรับผิวหน้าที่มีมอยส์เจอไรเซอร์และเม็ดบีดส์ในหลอดเดียว ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวอย่างมหัศจรรย์ และยังมีครีมอาบน้ำ กับครีมบำรุง ที่พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้ผิวมอยส์เจอไรเซอร์ ให้คุณสปาผิวเองได้ง่ายๆ ทุกวัน สวยครบจบงานทั้งผิวหน้าและผิวตัว!
RECOMMENDED CONTENT
RANSOMED เล่าถึงผู้ชายสองคนมีสถานะและปูมหลังที่แตกต่างกัน นักการทูต มินจุน (นำแสดง ฮา จอง-อู (Ashfall, Along with the Gods) เป็นนักการทูตที่สูงส่งและประสบความสำเร็จ ขณะที่พันซู (นำแสดง จู จี-ฮุน (Along with the Gods) เป็นคนท่าทางลึกลับ ดูไม่น่าไว้วางใจ การพบกันของ นักการทูตชั้นสูงและโชเฟอร์ที่แฝงลับลมคมใน