fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

8 วิธีแนะนำการเลือกรองเท้าให้เข้ากับกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่สำหรับสาวๆ
date : 18.กรกฎาคม.2014 tag :

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสาวๆที่รักการใส่สกินนี่ยีนส์ (skinny jeans) เรามั่นใจว่าคุณต้องเคยเจอเหตุการณ์นี้แน่ๆ…คุณได้เลือกใส่เสื้อตัวเก่งคู่กับกางเกงยีนส์สกินนี่ตัวโปรดเตรียมออกไปพบกับแก๊งเพื่อนสาว แต่แล้ว พอมาถึงตอนที่จะต้องเลือกรองเท้า คุณกลับไม่แน่ใจเอาเสียเลยว่าควรจะเลือกใส่รองเท้าอะไรดี! จะใส่ส้นสูงก็ดูเป็นทางการไปหน่อย จะใส่รองเท้าแตะ (sandal) ก็อาจทำให้ดูขาใหญ่ ส่วนจะใส่รองเท้าผ้าใบก็อาจดูกะโปโลไปอีก โอ๊ย! เกิดมาเป็นผู้หญิงนี่มันลำบากจริงๆว่ามั้ยคะสาวๆ? อยากจะบอกว่าเราเข้าใจคุณดี เพราะเราก็เคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาเหมือนกัน ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวม 8 วิธีเริ่ดๆในการเลือกรองเท้าใส่คู่กับกางเกงสกินนี่ยีนส์ของคุณ รองเท้าแต่ละแบบนั้นให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันแน่ๆ แต่ไม่ต้องห่วง รับรองว่าใส่แบบไหนคุณก็ดูเป็นสาวมีสไตล์ทั้งนั้น!

Classic Sneakers: รองเท้าผ้าใบ

null

ขอบอกเลยว่ารองเท้าผ้าใบนั้นไม่มีวันตายและอยู่ในเทรนด์เสมอ โดยเฉพาะรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสุดคลาสสิคที่สาวๆทุกคนควรมีติดตู้ไว้อย่างน้อยสัก 1-2 คู่ รองเท้าผ้าใบนั้นเหมาะสำหรับใส่กับกางเกงสกินนี่และเสื้อยืดในวันสบายๆ หรือไม่ก็เหมาะสำหรับใส่ในวันที่คุณมีธุระเร่งรีบจะได้เดินหรือวิ่งสะดวกยังไงล่ะ

 

Flat Sandals: รองเท้าแตะส้นแบน

null

ถ้าคุณจะไปทาน brunch ช่วงเช้าๆหรือไปนั่งดื่มค็อกเทลชิลๆหลังเลิกงาน ลองจับคู่รองเท้าแตะส้นแบนแบบหนาหน่อยคู่กับกางเกงสกินนี่ดูสิ ถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงรองเท้าแตะ Birkenstock เพราะมันเหมาะมากๆกับกางเกงทรงนี้ แต่แนะนำว่าให้ใส่สีที่ดูสว่างๆหน่อย เพราะถ้าใส่สีดำอาจทำให้หลอกตาดูเหมือนคุณเป็นคนขาตันได้ (แต่ถ้ามั่นใจว่าขาคุณเรียวเล็ก อยากจะใส่สีไหนก็ใส่ไปเถอะ)

 

Pointy Flats: รองเท้าส้นแบนหัวแหลม

null

อย่าเก็บรองเท้าทรงนี้ไว้สำหรับใส่ไปทำงานอย่างเดียว เพราะมันสามารถใส่คู่กับกางเกงสกินนี่แล้วออกมาดูเก๋ได้เหมือนกัน แต่แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการใส่แบบที่ติดเลื่อมหรือกากเพชร เพราะถ้าใส่แบบโทนสีคลาสสิค อย่างสีดำ สีน้ำเงินเข้ม หรือสีขาว คุณจะดูสมาร์ทกว่าเยอะ

 

Slip-On Sneakers: รองเท้าผ้าใบทรง slip-on

null

นี่คืออีกหนึ่งสไตล์ของรองเท้าผ้าใบที่ไม่เคยตกเทรนด์และเป็นที่นิยมใส่กับกางเกงสกินนี่ สาวๆที่คิดจะใส่รองเท้าทรงนี้ควรหลีกเลี่ยงแบบที่เป็นส้นหนา แล้วใส่แบบสไตล์คลาสสิค นั่นก็คือแบบที่ส้นไม่หนามาก ส่วนจะใส่สีอะไรและลายอะไร คุณสนุกกับการเลือกได้เต็มที่!

 

Strappy Heels: รองเท้าส้นสูงแบบมีสายรัด

null

ถ้าคุณอยากอัพลุคให้ดูน่ามองหรือเซ็กซี่มากขึ้น นี่คือสไตล์ของรองเท้าที่คุณต้องมี! เพราะเมื่อใส่คู่กับกางเกงสกินนี่แล้ว ขาและเท้าของคุณจะดูเรียวยาว ทำให้คุณดูตัวโปร่งมากขึ้น แนะนำว่าให้มีแบบสีดำติดตู้เอาไว้อย่างน้อยสักคู่ หรือจะใส่แบบสีสดๆก็ทำให้ลุคของคุณดูสนุกขึ้นได้เหมือนกัน

 

Classic Pointy Pumps: รองเท้าส้นสูงหัวแหลมสุดคลาสสิค

null

ถ้านึกไม่ออกจริงๆว่าควรใส่รองเท้าแบบไหนกับกางเกงสกินนี่ รองเท้าส้นสูงหัวแหลมคือทางเลือกที่ดีที่สุด แบบเซฟๆหน่อยก็จะเป็นสีดำและสีนู้ด แต่ถ้าคุณอยากให้ลุคของคุณดูเปรี้ยวมากขึ้น ลองเลือกสีสดๆอย่างสีแดง หรือลายหนังงูดูก็ได้

 

Loafers: รองเท้าทรงโลฟเฟอร์

null

อยากแต่งตัวสบายๆแต่ยังก็ยังอยากให้ลุคของตัวเองดูเก๋ๆใช่มั้ย? ถ้าอย่างนั้นต้องลองรองเท้าโลฟเฟอร์ รองเท้าสไตล์นี้เป็นที่นิยมมากๆในหมู่สาวๆฝรั่งเศส จะเลือกใส่แบบหนังสีน้ำตาลสุดคลาสสิค (penny loafer) หรือจะใส่แบบสีเงินให้ดูทันสมัยขึ้นมาหน่อยก็ได้ทั้งนั้น มีทั้งแบบส้นแบนเหมาะสำหรับใส่ในวันธรรมดาสบายๆ กับส้นสูงขึ้นมาหน่อยสำหรับใส่ไปทำงาน (จริงๆจะใส่แบบส้นแบนหรือมีส้น รองเท้าทรงนี้ก็เหมาะกับทุกโอกาสนั่นแหละ)

 

Ankle boots: รองเท้าบู๊ทหุ้มข้อ

null

ใครบอกว่าอยู่เมืองไทยแล้วจะใส่รองเท้าบู๊ทไม่ได้? แค่หลีกเลี่ยงการใส่บู๊ทที่ทำจากหนังหนาๆหรือพวกหนังกลับทั้งหลาย แล้วเลือกแบบที่ทำจากวัสดุบางเบาหน่อย รองเท้าบู๊ทหุ้มข้อเมื่อใส่กับกางเกงสกินนี่แล้ว คุณจะดูเป็นสาวเท่ขึ้นมาทันทีเลยล่ะ แต่ต้องรู้ทริคนิดนึง นั่นก็คือขากางเกงของคุณควรอยู่สูงจากรองเท้าบู๊ทขึ้นมาหน่อยอย่างที่เห็นในภาพด้านบน

Credit: Whowhatwear

RECOMMENDED CONTENT

14.ธันวาคม.2020

‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ  ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย