ต่อเนื่องจากคราวที่แล้วตอน How to perform at your first job มาดูวิธีการเริ่มงานแบบ Professional (Part 1) ซึ่งหากใครพลาดไปสามารถกลับไปหาอ่านได้ที่ https://www.dooddot.com/how-to-perform-at-your-first-job-part-1 พี่เอ็มได้เล่าว่ามีอยู่สองสิ่งที่คนมักใช้ในการตัดสินคนอื่นนั้นก็คือ ความน่าเชื่อถือ (trustworthy) และความสามารถ (competency) หลังจากที่ได้กล่าวถึงส่วนของความน่าเชื่อถือไปในตอนที่แล้ว คราวนี้เราจะมาดูในแง่ของความสามารถกันบ้าง พี่เอ็มบอกว่าในการแสดงความสามารถที่ทำงานต้องปฏิบัติสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้
เข้าใจองค์กร (Understand the organisation)
การรู้จักหรือเข้าใจองค์กรเป็นอย่างดีนั้นเป็นสิ่งแรกที่สำคัญที่จะทำให้เราทำงานได้ดี ซึ่งรวมไปถึงวิสัยทัศน์ (vision) พันธกิจ (mission) และทิศทาง (direction) ขององค์กร เช่น ถ้าองค์กรเป็นธุรกิจเพื่อสังคม (social enterprise) เราก็ไม่ควรไปนำเสนออะไรที่ขัดกับพันธกิจขององค์กร ในทางกลับกันเราก็จะมองเห็นโอกาสในการนำเสนอสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจากมีความสอดคล้องกับทิศทางขององค์กร
รู้ผลกระทบของงานที่เราทำ (Know the impact of your task)
เราต้องรู้ว่างานที่เราได้รับมอบหมายมีผลกระทบอะไรต่อองค์การ โดยต้องเข้าใจจุดประสงค์ของโครงการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) เช่น บางงานอาจเป็นงานธรรมดาๆอย่างการตรวจไวยากรณ์ของสัญญา ซึ่งคนที่ได้คะแนน TOEFL 115 กับ 105 คงทำได้ไม่ต่างกันมาก แต่คนไหนจะมีความเข้าใจสัญญานี้มากกว่ากัน สังเกตเห็นช่องโหว่ แม้เราไม่ได้เป็นนักกฎหมายแต่ก็ควรจะรู้จักสังเกตและมีความเข้าใจพอที่จะรู้ว่าสัญญานี้เอาไว้ทำอะไร มีข้อไหนที่จะขัดกันเองหรือเปล่า ถ้าเรารู้ว่าจุดประสงค์ของงานคืออะไรและตั้งใจทำมันมากพอ เราก็จะรู้ว่ามันมีอะไรให้เราเรียนรู้หรือพัฒนาได้อีก เวลาประชุมงานเจ้านายก็จะเห็นว่าเรามีความสามารถ ไม่ใช่ทำงานแค่ในกรอบ
หาคำตอบหรือแก้ปัญหาเอง (Always be a mom of solutions, not problems)
เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไรควรปรึกษาเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากๆคือเราควรมีคำตอบ ของตัวเองอยู่แล้ว เพราะเมื่อเค้าถามเรากลับมาว่าเราคิดอย่างไร เราจะสามารถตอบได้พร้อมมีเหตุผลรองรับ เจ้านายอาจไม่ได้หวังคำตอบที่ถูกต้องจากเรา แต่เค้าต้องการเห็นว่าเรามีความคิดเป็นของตัวเองหรือไม่ และไม่ใช่มีแต่ปัญหามาให้เค้าแก้เสมอ เราควรแสดงให้เค้าเห็นว่าเรามีความคิดริเริ่ม มีความเป็นผู้นำ และรู้จักเสนอแนะทางออก เพราะฉะนั้นอย่าลืมมีคำตอบของตัวเองก่อนที่จะไปถามเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานเสมอ
เรียนรู้ทักษะใหม่ๆตลอดเวลา (Learn new skills all the time)
เราควรเรียนรู้ทักษะใหม่ๆทั้งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานและที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องงาน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนคอรส์ออนไลน์ ไปงานสัมมนา การเรียนภาษา การฝึกเล่นกีฬาชนิดใหม่ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีภาษีดีกว่าคนอื่น ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราอาจได้รู้จักลูกค้าที่ชอบดำน้ำเหมือนกัน เมื่อคุยกันถูกคอก็ทำให้เราขายงานได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการเรียนรู้งานใหม่ๆในที่ทำงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญ อย่ามองว่างานที่เราได้เป็นงานที่ไม่มีใครอยากทำ เพราะเราจะได้เรียนรู้อะไรสักอย่างจากงานเหล่านั้นแน่ๆ เราควรลองทำหรือแม้แต่อาสาที่จะทำเพราะมันอาจเป็นโอกาสให้เราได้แสดงความสามารถที่เราเองก็ยังไม่รู้ว่าเราถนัดอะไร แต่หากได้ลองทำหลายๆอย่างก็จะทำให้เรารู้ความสามารถของตัวเองมากขึ้น และมีโอกาสในการเติบโต
กล้าเสี่ยงดูบ้าง (Take risks)
อย่าจำกัดตัวเองว่าเราเป็นแค่พนักงาน อย่าคิดว่าหน้าที่ของเรามีแค่ในกรอบของรายละเอียดงาน (job description) เมื่อมีโอกาสที่เราจะได้ทำงานอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เราทำอยู่ลองกล้าเสี่ยงดูบ้าง อาจมีบางคนไม่เห็นด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีคนชื่นชมเราเช่นกัน ซึ่งดีกว่าการที่เราไม่กล้าลองทำอะไรเลย เพราะถ้าเราไม่กล้า เราก็จะไม่มีตัวตน และไม่มีโอกาสแสดงความสามารถ เช่น เราอาจจะให้คำแนะนำหรือให้ความช่วยเหลืองานคนอื่นทั้งที่จริงๆแล้วเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ในห้องประชุมหากไม่มีใครกล้าถามคำถามเราก็เป็นคนถามเลย ลองเสี่ยงดูบ้างเพราะมันคือการเพิ่มโอกาสให้กับตัวเราเอง แต่ก็ควรดูกาลเทศะและวัฒนธรรมขององค์กรเป็นองค์ประกอบด้วย
นอกจากนั้นแล้วพี่เอ็มได้ฝากทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าเราควรรู้จักหาพี่เลี้ยงหรือเมนเทอร์ (mentor) ที่จะคอยช่วยให้คำแนะนำเรา โดยอาจจะเป็นเจ้านายเก่า เจ้านายใหม่ หรือพี่ที่ทำงานที่มีตำแหน่งสูงกว่าเรา แต่สิ่งที่เมนเทอร์ควรมีคือ หนึ่งต้องเห็นผลประโยชน์ของเราอันดับหนึ่ง สองเป็นคนมีวิสัยทัศน์ ไม่โลกแคบ สามให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถในด้านต่างๆของตัวเรา สี่ควรจะมีค่านิยมที่ใกล้เคียงกับเรา และห้าต้องมีคอนเนคชั่น คือรู้จักคนเยอะทำให้เรามีสังคมกว้างขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้อหนึ่งคือเห็นผลประโยชน์ของเราเป็นที่ตั้ง
สำหรับใครที่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับการเขียน Resume และ Cover Letter และอยากได้คำปรึกษา สามารถส่งอีเมล์มาทาง Career Visa ได้ที่ info@careervisathailand.com และติดตามกิจกรรมของ Career Visa ไม่ว่าจะเป็น Workshop, Training หรือ Event ต่างๆ เกี่ยวกับการค้นหาอาชีพที่ใช่ได้ที่ fb page: www.facebook.com/careervisathailand และ website: www.careervisathailand.com
เกี่ยวกับพี่เอ็ม: ธีรยา ธีรนาคนาท (เอ็ม) COO และ CFO ของ CareerVisa Thailand และ Management Trainee ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จบการศึกษา MBA จาก Kellogg School of Management, Northwestern University
Images by: Devil wears prada
RECOMMENDED CONTENT
ต่อไปนี้หากคุณและเราถูกผรุสวาทด้วยคำประเภทว่า ไอ้สัตว์, ไอ้สัด, ไอ้สัส หรือ ไอส๊าสสสสส ก็อย่าเพิ่งโกรธไป เพราะเราเองนี่แหละที่อาจกำลังกลายเป็นสัตว์ (ป่า) กันอยู่ในทุกๆ วัน! I Gone wild (everyday) คือเอ็กซิบิชั่นที่อยากให้เรากลับไปทบทวนความ ‘ดิบ’ ในตัวเอง ว่าสัตว์ในตัวเราคืออะไร และเรายังเหลือความเป็นมนุษย์กันอยู่มากน้อยแค่ไหน!?