fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#CULTURE — เมื่อทรงผมของเหล่าฮีโร่หญิงใน Avengers : Infinity War บอกอะไรมากกว่าที่เราคิด
date : 7.พฤษภาคม.2018 tag :

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่น่าจะมีกระแสของภาพยนตร์เรื่องใดที่มาแรงเกินกว่า Avengers: Infinity War ได้แล้ว แน่นอนว่า Infinity War นี้ยิ่งใหญ่สมใจการรอคอยของแฟน Marvel หลายๆ คน โดยเพาะอย่างยิ่งเหล่าตัวละครจากทั่วจักรวาล Marvel ตั้งแต่ Iron Man มาจนถึง Black Panther ทั้งซุปเปอร์ฮีโร่และ supporting characters ที่มารวมตัวกันมากถึง 76 คน! ถึงแม้ว่าเราจะได้เจอคาแร็กเตอร์อันเป็นที่รักมากมายขนาดนี้ สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจไม่ได้สังเกตเลย คือแทบจะไม่มีซูเปอร์ฮีโร่สาวคนไหนใน Avengers ที่มัดผมเลย

ไม่ต้องถึงขนาดไปสู้กับใคร แค่จะออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะผู้หญิงส่วนใหญ่ก็คงต้องมัดผมกันทั้งนั้น ฉะนั้นทรงผมของเหล่าฮีโร่หญิงใน Avengers : Infinity War จึงบอกอะไรมากกว่าที่เราคิด แน่นอนว่ามันมีเหตุผลเรื่องงานภาพของคอมมิก การปล่อยผมยาวสลวยอย่างเช่นความสวยงามที่ภาพฮีโร่สาวสะบัดผมไปมาตอนต่อสู้คงจะดูชิค ดูคูลกว่า เหมือนที่ Camille Friend หัวหน้าฝ่ายผมของภาพยนตร์ Black Panther, Guardians of the Galaxy Vol. 2 และภาพยนตร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่าง Captain Marvel มาคอนเฟิร์ม

“ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของซูเปอร์ฮีโร่หญิงในคอมมิก ทรงผมของพวกเธอจะถูกปล่อยให้เป็นธรรมชาติเสมอ เพราะในฉากต่อสู้ผู้คนมักอยากจะเห็นผมที่พริ้วอย่างอิสระไปกับการเคลื่อนไหว”

แต่ภายใต้เหตุผลเรื่องความสวยงามนั้น Christina Dokou ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้าน American Literature and Culture จาก The University of Athens อธิบายว่า

“แน่นอนว่าการที่เราไม่เห็นผมหางม้าในหนัง มันแสดงถึงอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างเหยียดเพศ”

ด้วยความที่เป็นสื่อสำหรับเด็กผู้ชายที่ตกทอดกันมาในการ์ตูนแนวซูเปอร์ฮีโร่ ทำให้ตัวละครหญิงในการ์ตูนเเนวนี้ยังคงติดอยู่กับ stereotypes ของความผู้หญิงแบบที่เลี่ยงไม่ได้ 

“ในปัจจุบันรูปลักษณ์ภายนอกและความงามของฮีโร่หญิงยังคงถูกสร้างอย่างเหมารวมและทำให้มันดูสุดโต่งเกินจริง อย่างคนที่ดูเปิดเผยหรือมีลักษณะคล้ายนางแบบแม็กกาซีนเราจะรู้เลยว่าเธอห่วย แต่คนที่ดูเป็นสาวนักสู้สุดร้อนแรง จะถูกมองว่าเก่งกว่าอย่างแน่นอน”

แน่นอนว่าการ์ตูนมันสนุกเพราะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ถึงอย่างนั้นในจักรวาลของซูเปอร์ฮีโร่ ทรงผมของแต่ละตัวละครก็ยังสะท้อนถึงการสร้างความจริงบางอย่าง

อย่างที่เรารู้กันว่าผมยาวๆนั้นมันหมายถึงความ femininity หรือความเป็นหญิงอยู่แล้ว ซึ่งผมสีแดงและสีดำมักจะเป็นสีที่ถูกเลือกให้เป็นสีผมของซูเปอร์ฮีโร่หญิงหรือตัวละครที่มีความโดดเด่น เช่น Phoenix, Red Sonja หรือ Wonder Woman ในขณะที่ผมบลอนด์ยังถูกปฏิบัติเหมือนเป็นสาวหัวกลวงหรือตัวละครที่มีพละกำลังแต่ใช้ไม่เป็น เช่น Supergirl หรือ Smallville

ขณะเดียวกันผู้หญิงที่โกนศีรษะมักหมายถึงคนที่มีความสามารถทางจิตหรือพลังพิเศษบางอย่างที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่มันก็สามารถสื่อถึงรสนิยมทางเพศได้อีกด้วย อย่างเช่น Moondragon ฮีโร่หญิงที่เปิดเผยว่าเป็น bisexual หรือ Tank Girl ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดงาน Weekly Lesbian Tank Girl Nights ใน London  (แม้แต่ในซีรี่ส์ที่ไม่ใช่มาร์เวลอย่าง Stranger Things ตัวละครที่มีพลังพิเศษบางอย่างก็ยังต้องเลือกที่จะโกนศีรษะ)

พูดง่ายๆ ก็คือตัวละครที่มีผมสั้นกว่า มักหมายถึงคาแรกเตอร์ที่ไม่ได้อยู่ใน norm ไม่ต้องตามความเป็นหญิงแบบดั้งเดิม แต่ถึงอย่างนั้น comics และ graphic novels ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มที่จะนำเสนอสีผมหรือความยาวของผมที่ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ เพื่อเป็นนัยยะว่าพวกเขาพร้อมรับและสนับสนุน ความแตกต่าง ความหลากหลายทางเพศ

เรื่องทรงผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำข้อกังขาเกี่ยวความไม่หลากหลายทางเพศที่ Marvel ถูกตั้งคำถามมาตลอดทั้ง 10 ปี (ตลอด 10 ปีที่ผ่านมามีนักแสดงหญิงในระดับ top-billed เพียง 18 คนหรือนับเป็น 26.1% และมีผู้กำกับหรือคนเขียนบทผู้หญิงเพียง 1 คน หรือนับเป็น 2.3% ) เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามุมมองจากผู้กำกับและทีมงานกลุ่มเดิม อาจส่งผลให้ไม่เกิดความหลายหลายของผู้หญิงในหลายๆ ภาพยนตร์ของมาร์เวลผ่านมา

แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เราจะได้เห็นมุมมองของผู้หญิงที่มากขึ้นจากภาพยนต์เรื่อง Captain Marvel ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หญิงคนแรกจากมาร์เวล ที่จะฉายในปี 2019 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์การมีส่วนร่วมของผู้หญิงได้อย่างมากมายในจักรวาล Marvel เเห่งนี้

เราคิดว่า Captain Marvel จะมาช่วยลบล้างความรู้สึก ‘เบื่อหน่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่’ ที่หลายๆ คนเริ่มรู้สึกได้ เพราะที่จริงเเล้วเราอาจไม่ได้เบื่อหนังฮีโร่ แต่เราแค่เบื่อหนังฮีโร่ที่ถ่ายทอดมุมมองเดิมๆ จากการสร้างของคนกลุ่มเดิมๆ เท่านั้นเอง

RECOMMENDED CONTENT

12.กันยายน.2022

“TIME TO AWAKEN YOUR ZIMBE SPIRIT” ถึงเวลาเดินทางให้สุด ไม่หยุดไปต่อ เรื่องราวการปลุกจิตวิญญาณของนักเดินทางอย่าง ZIMBE (จิมเบ) พร้อมกับเพื่อนผู้สร้างตำนานการเดินทางร่วมกันอย่าง อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่ครั้งนี้กลับมาในฐานะ Seiko brand friend คนแรกของปี 2022 และมาพร้อมเรื่องราวจากการกลับมาออกเดินทางอีกครั้ง หลังจากที่โลกหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง มาดูกันว่าในครั้งนี้ นักเดินทางผู้สร้างตำนานจะพาพวกเราไปเจอกับอะไรบ้าง?