
Xspace กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ขอย้อนกลับไปนิดนึงว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นบริษัทขายเฟอร์นิเจอร์ Wurkon ของสามพี่น้อง คุณแนน สิริมาดา ศุภองค์ประภา, คุณหนู สุทธิลักษณ์ ศุภองค์ประภา และ คุณป๊อป ปิยะศักดิ์ ศุภองค์ประภา ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2015 ซึ่งเน้นเฟอร์นิเจอร์สำนักงานเป็นหลัก ระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ใช้คำว่าประสบความสำเร็จไปแล้วเพราะลูกค้าของ Wurkon ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ที่เรารู้จักกันดี
วันนี้เราได้รับโอกาสจากคุณหนู สุทธิลักษณ์ ศุภองค์ประภา มาให้คำตอบว่าจาก Wurkon ต่อยอดมาถึง Xspace ได้อย่างไร
“ตึก Xspace ที่เราอยู่ตอนนี้ เคยเป็นโกดังของ Wurkon มาก่อน” ธุรกิจขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ โกดังเริ่มเก็บของไม่ไหว พื้นที่ตรงนี้เริ่มคับแคบสำหรับ Wurkon จึงตัดสินใจไปซื้อที่ดินตรงอ่อนนุชเพื่อทำโกดังโดยเฉพาะ
หลังจากย้ายของทั้งหมดไปโกดังใหม่ ตึกตรงนี้มีความสูง 7 ชั้น ก็เลยประชุมกันว่าพื้นที่ตรงนี้จะทำอะไรได้บ้าง “คุณภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ เสนอว่าทำแกลเลอรีไหม” คุณหนูสนใจไอเดียนี้ก็เลยตอบกลับไปว่า “ลองทำดู” แต่พอลงมือทำจริงๆ คุณหนูกลับได้เห็นผลงานที่น่าสนใจของศิลปินไทยเยอะมาก “ปกติเดินทางไปต่างประเทศก็เข้ามิวเซียมอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าจะศึกษางานของคนไทยหรือแม้แต่สะสมงาน แต่พอเริ่มทำแกลเลอรีก็เริ่มศึกษางานของศิลปินไทยมากขึ้น จนเริ่มเก็บงานของศิลปินไทย” คุณหนูเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการสะสมงาน
“ต้องยอมรับนักสะสมทุกคนนะ คือทุกคนมีคุณค่าต่อวงการศิลปะไทยมาก” คุณหนูยอมรับว่าตัวเองเป็นเพียงรุ่นใหม่มากสำหรับวงการสะสมงานศิลปะและวงการนี้ยังต้องการคนอีกเยอะ “วงการนี้ต้องการคนสนับสนุนถึงจะอยู่กันได้”
เมื่อ Xspace เริ่มขึ้น สิ่งที่กำหนดทิศทางของแกลเลอรีได้อย่างชัดเจนคือการเลือกศิลปิน “คาแรคเตอร์ของเรา คือ‘คอนเทมโพรารี่อาร์ต’ ตอนนี้เราทำงานกับศิลปินไทย อาจจะเป็นเพราะ ว่าเราเริ่มทำแกลเลอรีช่วงต้นโควิดพอดีทำให้เราเน้นงานของศิลปินในประเทศ แต่หลังจากนี้คิดว่า เราจะเริ่มทำงานกับศิลปินต่างประเทศมากขึ้น” คุณหนูย้ำความคิดอีกครั้งว่าไม่ได้ยึดติดว่าต้อง ทำงานกับศิลปินชาติไหน เพียงแต่จังหวะเริ่มต้นเจอปัญหาโควิดทำให้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ ต้องเน้นงานของศิลปินไทยเป็นหลัก
ในอีกมุมหนึ่งคุณหนูคิดว่าศิลปินไทยดีๆ เยอะมาก ควรช่วยกันสนับสนุน “เรามาทำตรงนี้ไม่ได้อยากขายงานศิลปะอย่างเดียว แต่การสนับสนุนถือเป็นหน้าที่เหมือนกัน”
เชื่อว่าหลายคนสงสัยว่าทำแกลเลอรี่ยากไหม? ซึ่งคุณหนูตอบทันทีว่ายาก “คนชอบเตือนว่าทำแกล เลอรีมันยาก (หัวเราะ) ซึ่งปีแรกของเราเรียกว่าล้มลุกคลุกคลาน เพราะทำอะไรไม่เป็นเลย ช่วงแรก คิดว่าการจัดนิทรรศการไม่ใช่เรื่องยาก คิดว่าก็แค่เอางานมาแขวนแล้วค่อยจัด Mood & Tone เหมือนงานเฟอร์นิเจอร์แต่ปรากฎว่าไม่ใช่อย่างที่คิด แค่เรื่องผนังเราต้องทำให้เรียบ เนียน กริ๊บ สายไฟสักเส้นก็ต้องซ่อนห้ามให้เห็น” คุณหนูบอกว่าแม้แต่การดูแลงานและการเคลื่อนย้าย ก็คิดว่า เหมือนงานเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องมีกระบวนการทำอย่างละเอียด แต่ปรากฎว่าไม่ใช่อย่างที่คิด “งาน ศิลปะไปอีกขั้นนึงจริงๆ ต้องเทรนนิ่งทีมงานใหม่ทั้งหมด คืองานศิลปะต้องดูแลเป็นพิเศษ” มาถึงตอนนี้ Xspace ทำงานร่วมกับศิลปินไปกว่า 100 คน คุณหนูบอกว่านี่เป็นการทำงานที่ได้ เรียนรู้มาก แม้แต่เรื่องทำสัญญากับศิลปินยังต้องทำความเข้าใจกันใหม่ “2 ปีที่ผ่านมาเราเรียนรู้ เยอะมาก ยอมรับเลยว่าปีนี้แหละที่เราเริ่มเข้าใจว่าควรทำอย่างไร ผ่านมา 3 ปีเหมือนเรียนจบ อนุปริญญา (หัวเราะ)”
“อีกอย่างที่ได้เรียนรู้คือศิลปินที่ดีรู้ว่าตัวเองจะทำอะไรจะไปทางไหน เขาคิดเรื่องงานตลอดเวลา คิดว่างานจะ Develop ไปทางไหน ศิลปินที่เราเจอหลายๆ ท่านคือคนที่เก่งและน่านับถือมาก”
“ต้องจัดงานให้ดีก่อนแล้วงานจะขายได้เอง” แล้วงานที่ดีเป็นอย่างไร? “Context (บริบท) ต้องชัด เมื่อเราพูดมันออกไปคนที่มาดูจะรู้สึกได้ทันที และทางแกลเลอรี่กับศิลปินต้องเข้าใจกันว่างานครั้งนี้จะทำร่วมกันอย่างไร” ซึ่งตรงนี้คุณหนูบอกว่าสำคัญมาก แน่นอนว่าแกลเลอรีอยากขายงาน แต่ในจุดแรกต้องทำให้งานออกมาดีที่สุดและคนที่มาดูงานต้องสนุกกับการมาดูงานก่อน
ในเมื่อการทำแกลเลอรี่เป็นของยากต้องผ่านอะไรมาเยอะแยะแต่คุณหนูกลับบอกว่าการทำ Xspace คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง “ตัดสินใจไม่ผิดและไม่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด อย่างน้อย ที่สุดคือได้ลอง ไม่รู้ว่าผลลัพธ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ได้แต่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ถ้ามองวันนี้ย้อน กลับไปวันแรก เราแฮปปี้นะ เพราะมาจากคนไม่รู้เลย วันนี้คนรู้จัก Xspace พอสมควรและได้ ทำงานกับศิลปินดีๆ หลายท่าน”
ในวันที่นั่งสัมภาษณ์คุณหนูสุทธิลักษณ์ศุภองค์ประภา บนชั้น 7 ของอาคารอันเป็นที่ตั้งของ Pakpoom Silaphan Atelier ที่มีผลงานของคุณภาคภูมิศิลาพันธ์ศิลปิน Pop art ชาวไทย ที่ดัง มากในระดับโลก จัดแสดงอยู่ ความพิเศษคือปีหน้าคุณภาคภูมิจะมีงานใหญ่ที่ Xspace ยังไงก็ ฝากทุกคนติดตามได้เลย
RECOMMENDED CONTENT
นี่คือส่วนหนึ่งของแคมเปญ You Can’t Stop Us โดยล่าสุดไนกี้ได้ปล่อยภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ชื่อว่า “NOTHING CAN STOP WHAT WE CAN DO TOGETHER.” เพื่อชวนทุกคนมาสร้างแรงบันดาลใจที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้