fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

5 การออกแบบอย่างยั่งยืนของรองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิต
date : 16.กรกฎาคม.2020 tag :

รองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิต (Nike Air VaporMax 2020 Flyknit) เป็นหนึ่งในรองเท้าของไนกี้ที่พัฒนาโดยเน้นเรื่องความยั่งยืนมากที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน เนื่องจากรองเท้ารุ่นนี้ใช้วัสดุรีไซเคิลกว่าร้อยละ 50 ของน้ำหนักเป็นองค์ประกอบของรองเท้า ไนกี้พัฒนารองเท้ารุ่นนี้จากกระบวนการสร้างสรรค์และทดลองต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการออกแบบอย่างยั่งยืน (Circular Design) ในหลายๆ องค์ประกอบของรองเท้ารุ่นนี้ 

เราศึกษาทั้งเศษวัสดุจากกระบวนการผลิตของไนกี้และเศษวัสดุอื่นๆ เพื่อหาวิธีที่จะนำเศษวัสดุเหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่
เจซี่ สมอลล์ (Jesi Small) หัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้อธิบายข้อเท็จจริงนี้เป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการพัฒนาของเราทั้งหมด

ภาพร่างของรองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิต

รองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิตเป็นรองเท้าที่พัฒนาขึ้นจากหลักการเดียวกับหลักการที่ไนกี้ใช้พัฒนารองเท้า
ไนกี้ สเปซ ฮิปปี้ (Nike Space Hippie) ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้ สังเกตได้ทั้งจากโครงสร้างชิ้น เวเปอร์แม็กซ์ แอร์ (VaporMax Air Unit) รุ่นใหม่ที่มีความยาวตลอดพื้นรองเท้าไปจนถึงการเลือกสรรวัสดุที่ให้ความสำคัญอย่างที่สุดกับความยั่งยืน เมื่อพิจารณารองเท้ารุ่นใหม่นี้อย่างละเอียด จุดเด่นของรองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิต มีทั้งหมด 5 ประการดังต่อไปนี้

1.ครั้งแรกของการพัฒนาโครงสร้างชิ้นเวเปอร์แม็กซ์แอร์ รุ่นใหม่ที่มีความยาวตลอดพื้นรองเท้าและผลิตโดยใช้วัสดุรีไซเคิลกว่าร้อยละ 75

นอกจากนี้โครงสร้างไนกี้แอร์ในรองเท้ารุ่นนี้ยังมีลักษณะเป็นชิ้นเดียว มีความหนาสุดที่ส่วนส้นเท้าไล่ลงไปจนเพรียวบางที่สุดที่บริเวณปลายนิ้วเท้า ซึ่งช่วยให้รองเท้าดูเพรียวบางกว่ารองเท้าตระกูลเวเปอร์แม็กซ์รุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ รองเท้าตระกูลเวเปอร์แม็กซ์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ยังสวมใส่ได้สบายยิ่งขึ้นและให้ความรู้สึกขณะเดินที่ดีกว่าเดิมด้วย (ทั้งนี้ โครงสร้างแอร์ของไนกี้ทุกชิ้นผลิตจากวัสดุรีไซเคิลกว่าร้อยละ 50 มาตั้งแต่ปี 2008)

บริเวณพื้นรองเท้ารุ่นนี้คือชิ้นส่วนแอร์รุ่นแรกที่มีความยาวตลอดพื้นรองเท้า ช่วยให้จังหวะการก้าวเท้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการเคลื่อนไหวของส้นเท้าและให้การตอบสนองที่ใต้ฝ่าเท้าได้ดียิ่งขึ้น

รองเท้าเวเปอร์แม็กซ์รุ่นล่าสุดของปี 2020 มิได้ใช้ลวดลายพื้นรองเท้าแบบวัฟเฟิล (Waffle) ที่เป็นตำนานของไนกี้ โดยไนกี้ใช้ลวดลายพื้นรองเท้าแบบเรขาคณิตที่ช่วยผสานการทำงานของถุงลมไนกี้ แอร์ (Nike Air Bags) และจากการค้นคว้าของไนกี้ในการหาจุดที่เกิดแรงกดของเท้าที่พื้นรองเท้า ทำให้ทุกจังหวะการก้าวเท้านิ่มนวลที่สุดและเสริมประสิทธิภาพของการยึดเกาะขณะเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหว

2. เส้นใยฟลายนิตที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล (Recycled Flyknit Yarn) นั้นผลิตจากวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตกว่าร้อยละ 67 ของน้ำหนัก ผสานกับเส้นใยที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลอื่น (รวมถึงเส้นใยจากขวดพลาสติก)

แทนที่จะปล่อยให้เป็นเศษวัสดุเหลือทิ้ง การนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ผลิตรองเท้าคู่ใหม่ส่งผลให้หน้ารองเท้าของรองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิตแต่ละคู่มีสีสันไม่ซ้ำกันเลย

นักออกแบบของไนกี้ภูมิใจนำเสนอรองเท้าที่สมบูรณ์แบบแต่แฝงไว้ด้วยเอกลักษณ์เนื่องจากสีสันของหน้ารองเท้ารุ่นนี้จะมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละข้าง

3. พื้นในรองเท้า ออโธไลท์ (Ortholite Sockliner) แบบ 2 ชั้นหล่อขึ้นโดยใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นองค์ประกอบกว่าร้อยละ 50 และไนกี้ยังพัฒนาให้รู้สึกสบายขณะสวมใส่ได้มากยิ่งขึ้น ส่วนลิ้นรองเท้าใช้โฟมรีไซเคิลเป็นองค์ประกอบไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

รองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิตจะมีตราประทับ Sunburst logo ของไนกี้ แสดงให้เห็นว่ารองเท้ารุ่นนี้เป็นผลิตภัณฑ์ในโครงการ Move to Zero ผู้สวมใส่ยังสามารถดึงแถบปรับความกระชับที่บริเวณลิ้นรองเท้าเพื่อการถอดหรือสวมใส่ที่สะดวกยิ่งขึ้นได้

4. วัสดุ TPU สำหรับส่วนปลายเท้าและเกราะรองส้นเท้านั้นใช้ TPU รีไซเคิลเป็นองค์ประกอบมากกว่า ร้อยละ 60 ซึ่ง TPU รีไซเคิลที่ไนกี้ใช้ยังก่อให้เกิดลวดลายริ้วที่สวยงามที่ตัวรองเท้าด้วย

เกราะรองส้นเท้าเพื่อความกระชับนั้นใช้ TPU รีไซเคิลเป็นองค์ประกอบมากกว่าร้อยละ 60

5. ส่วนพื้นนอกรองเท้ารองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิต มีเทคโนโลยีไนกี้กรินด์ (Nike Grind) ซึ่งผลิตจากวัสดุรีไซเคิลทั้งชิ้น

เทคโนโลยีไนกี้ กรินด์ ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือเศษวัสดุต่างๆ นั้นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ไนกี้สรรสร้างขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตของไนกี้เพื่อปกป้องโลกและส่งเสริมกระบวนการออกแบบอย่างยั่งยืน.

รองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิต เป็นรองเท้าสำหรับใส่ได้ในชีวิตประจำวัน และมาสร้างนิยามใหม่ของความกระชับ มอบความรู้สึกที่ดี และมีประสิทธิภาพขณะสวมใส่ นอกจากนี้รองเท้าคู่นี้ยังยกระดับนวัตกรรมของเครื่องแต่งกายสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันไปพร้อมกับความยั่งยืนของโลกอีกด้วย

เราต้องการสร้างสรรผลิตภัณฑ์ที่เสริมสร้างความยั่งยืนของโลกขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น และผลิตภัณฑ์นั้นต้องสวมใส่ได้ง่ายและรวดเร็วในชีวิตประจำวัน

นี่เป็นเหตุผลที่ไนกี้พัฒนาผลิตภัณฑ์โดยให้ความสำคัญกับการสวมใส่หรือถอดออกที่ง่าย และต้องเป็นรองเท้าที่กระชับ ให้ความรู้สึกที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับนักกีฬาทุกคนสมอลล์ หัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้กล่าวเพิ่มเติม

รองเท้ารุ่นนี้มีแถบปรับความกระชับฟลายอีซ (FlyEase) อยู่ที่ด้านหลัง ให้ผู้สวมใส่ดึงสายเพื่อปรับความกระชับได้ตามต้องการ

สีสันที่สดใสของรองเท้ารุ่นนี้เป็นผลลัพธ์ของการผสานทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งองค์ประกอบที่เกิดจากเศษวัสดุกระบวนการออกแบบที่เน้นความยั่งยืน และนวัตกรรมฟลายอีซของไนกี้

หนึ่งในรากฐานสำคัญของสิ่งที่ไนกี้ทำตลอดกระบวนการพัฒนารองเท้ารุ่นนี้คือการผสานแนวคิดของการแสดงสภาพเดิมของเศษวัสดุเมื่อนำมาประกอบขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ ‘Rawthenticity’” จาร์รอด เฮล (Jarrod Hale) หัวหน้าอาวุโสฝ่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของไนกี้สปอร์ตสแวร์ (Nike Sport Wear) กล่าวแนวคิดนี้คือการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่โดยใช้เศษวัสดุเป็นส่วนประกอบให้ได้มากที่สุด เราคาดหวังว่าแนวคิดนี้จะช่วยให้ผู้สวมใส่ตระหนักว่าเราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้อย่างไรและสร้างขึ้นทำไม รวมไปถึงการผสานทั้งประสิทธิภาพและสุนทรียะเข้าด้วยกันในผลิตภัณฑ์ที่เราพัฒนาตามแนวคิดนี้

เพื่อให้รองเท้าตระกูลเวเปอร์แม็กซ์รุ่นใหม่ล่าสุด สวมใส่และถอดออกได้ง่าย เหมาะสมกับผู้สวมใส่ทุกคน และสวมใส่ได้สบายตลอดทั้งวัน ไนกี้จึงเสริมคุณสมบัติไนกี้ฟลายอีซ เข้ามาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของรองเท้าตระกูลนี้ คุณสมบัติไนกี้ฟลายอีซ คือกลไกสำหรับการสวมใส่และถอดรองเท้าที่ผู้สวมใส่สามารถทำได้ด้วยมือข้างเดียว เทคโนโลยีนี้ออกแบบขึ้นตามหลักการออกแบบเพื่อทุกคน ช่วยเสริมคุณค่าสำคัญ คือการพัฒนาให้ทุกคนสวมใส่และถอดรองเท้าได้ง่ายกว่าเดิม เทคโนโลยีไนกี้ฟลายอีซ พัฒนาขึ้นจากรากฐานของความมุ่งมั่นประการหนึ่งของไนกี้ที่ดำรงอยู่อย่างยาวนาน คือการรับฟังข้อคิดเห็นของนักกีฬารวมไปถึงการคำนึงถึงคุณสมบัติของรองเท้าที่ดี

รองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ 2020 ฟลายนิต จะวางจำหน่ายในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ทางเว็บไซต์ nike.com ในราคา 7,500 บาท

RECOMMENDED CONTENT

12.มกราคม.2023

เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย เอเจนซี่โฆษณาชั้นนำของประเทศไทย ในเครือปับลิซิสกรุ๊ป ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ทำแคมเปญ ลดเค็ม ลดโรค รณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงอันตรายของการบริโภคโซเดียม ที่มากเกินไปจนสะสมในร่างกายทำให้เกิดโรคร้าย และปรับพฤติกรรมนี้