fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

“The World’s End” หนังตลกเบาสมองจากเกาะอังกฤษที่มาพร้อมกับพล็อตเรื่องเพี๊ยนๆ เรื่องราวแก๊งค์เพื่อนเก่าห้าคนกลับมาเมาหัวทิ่มกันท่ามกลางเมืองที่กำลังโดนหุ่นยนต์บุกโลก!
date : 27.พฤศจิกายน.2013 tag :

สำหรับอาทิตย์สิ้นเดือนที่สถานการณ์เครียดๆกันแบบนี้ ในบรรดาหนังเข้าใหม่ทั้งหมดเราไม่รีรอเลยที่จะหยิบเรื่องนี้มาพูดกับ “The World’s End” หนังตลกจากฝั่งเกาะอังกฤษ ผลงานของผู้กำกับหนุ่ม “Edgar Wright” ที่ขึ้นชื่อเรื่องทำหนังแนว Comedy ผสมกับเรื่องราวผจญภัยออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์และฮาถึงกึ๋น สำหรับครั้งนี้เขาได้นักแสดงคู่บุญนาย “Simon Pegg” และ “Nick Frost” สองนักแสดงตลกหน้าตายสไตล์ผู้ดีอังกฤษมาร่วมงานกันอีกครั้ง ซึ่งทั้งสามคนนี้ (สองนักแสดงนำและผู้กำกับ) เคยเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูทั่วโลกมาแล้วใน “Shaun of the Dead (2004)” หนังแนวซอมบี้ระบาดเมืองที่ทำออกมาสไตล์ขำๆแบบคนอังกฤษได้กวนโอ๊ยและไร้สาระมากๆ และอีกเรื่องคือ “Hot Fuzz (2007)” สองคู่หูตำรวจบ้านๆประจำเมืองเล็กๆที่ต้องต่อสู้กับองค์กรลัทธิลึกลับด้วยแผนแบบ “ไม่เป็นท่า” ทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาสำหรับใครที่เป็นคอหนังคงรู้กันดีว่า มันอาจจะไม่ใช่หนังที่ลึกซึ้งอะไรมากมาย แต่ถ้ามองในแง่การหยิบจับเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องจนได้ ความไร้แก่นสารไร้สาระของมันถือเป็นหนังที่ทำออกมาเรียกเสียงหัวเราะคนดูได้ถึงที่สุดจริงๆ!

กับโปรเจคต์ส่งท้ายปีนี้ในเรื่อง The World’s End พวกเขากลับมาพร้อมกับพล็อตเรื่องที่ (ดูเหมือนจะ) ไร้สาระอีกแล้ว เรื่องราวมีอยู่ว่าก๊วนเพื่อนจากสมัยเรียนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆบนเกาะอังกฤษที่ชื่อว่า “Newton Haven” เคยมีภารกิจร่วมกัน คือต้องไล่กินเบียร์ตามผับ (วัฒนธรรมอังกฤษมากๆ) ในเมืองจำนวน 12 ร้านให้ครบภายในคืนๆเดียว ซึ่งภารกิจที่ว่านี้พวกเขาไม่เคยทำสำเร็จซักที สุดท้ายไปเมาเละเทะกันก่อนถึงผับที่ 12 ผับสุดท้ายปราบเซียนที่ชื่อ The World’s End ตลอด จนพอโตขึ้นทุกคนแยกย้ายกันไป วันดีคืนดีหัวโจกของแก๊งค์ที่ชื่อว่า แกรี่ (Simon Pegg) ก็เกิดไอเดียบรรเจิดชวนเพื่อนๆมาร่วมสะสางภารกิจที่เคยล้มเหลวกันอีกครั้ง… แต่ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อพวกเขาตัดสินใจกลับบ้านเก่ามาร่วมทำภารกิจเพี๊ยนๆที่ว่านี่กัน เมืองที่เคยคุ้นเคยก็เริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนในเมืองแสดงท่าทีกันประหลาดๆ ไปๆมาๆรู้ตัวอีกทีปรากฎว่าพวกเขากำลังอยู่ท่ามกลางการบุกโจมตีจากหุ่นยนต์นอกโลกที่เลือกเมืองเล็กๆนี้เป็นที่ตั้งใหญ่ล้างสมองคนทั้งเมืองไปแล้ว! (เห็นไหมบอกแล้วว่าผู้กำกับรายนี้เขาโยงเรื่องได้ Absurd สุดๆ) นึกสภาพเพื่อนเก่าที่แต่ละคนก็กึ่่งเมากึ่งรั่วกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไหนจะต้องมาช่วยกันเอาชีวิตรอดจากอันตรายสมรภูมิครั้งนี้ไปให้ได้อีก แล้วมันจะออกมามั่วซั่วขนาดไหน! จะเป็นยังไงต้องไปติดตามกันใน “The World’s End”

โดยหนังจะเริ่มฉายตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน !

Writer: Pakkawat Tanghom

RECOMMENDED CONTENT

1.พฤศจิกายน.2019

ต่อไปนี้หากคุณและเราถูกผรุสวาทด้วยคำประเภทว่า ไอ้สัตว์, ไอ้สัด, ไอ้สัส หรือ ไอส๊าสสสสส ก็อย่าเพิ่งโกรธไป เพราะเราเองนี่แหละที่อาจกำลังกลายเป็นสัตว์ (ป่า) กันอยู่ในทุกๆ วัน! I Gone wild (everyday) คือเอ็กซิบิชั่นที่อยากให้เรากลับไปทบทวนความ ‘ดิบ’ ในตัวเอง ว่าสัตว์ในตัวเราคืออะไร และเรายังเหลือความเป็นมนุษย์กันอยู่มากน้อยแค่ไหน!?