fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับอัลบั้มใหม่ “In Rolling Waves” ของวง indie สุดแนว The Naked and Famous ที่เราอยากแนะนำให้รู้จัก
date : 15.สิงหาคม.2013 tag :

ข่าวดีสำหรับแฟนๆ The Naked and Famous! ในที่สุด! สิ้นสุดการรอคอยเสียทีกับอัลบั้มชุดที่ 2 “In Rolling Waves” หลังจากรอคอยมานานว่าเมื่อไหร่วงนี้จะออกอัลบั้มใหม่กัน เพราะตั้งแต่ออกอัลบั้มแรก “Passive Me, Aggressive You” เมื่อปี 2010 ก็ไม่ค่อยมีข่าว หรือมีวี่แววว่าวงนี้จะออกอัลบั้มที่สองกันเมื่อไหร่ นอกจากรู้ว่าวงนี้เล่น concert และออกทัวร์ในหลายประเทศเยอะมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน 2013 หากใครที่ follow วงนี้ในFacebook ก็จะเห็นว่าทางวงได้ค่อยๆทยอยปล่อยภาพของ band members กลับเข้าห้องอัด studio เพื่อเริ่มบันทึกเสียงสำหรับอัลบั้มใหม่ ทำให้แฟนๆอย่างเราพลอยตื่นเต้นไปตามๆกัน

สำหรับใครที่ไม่รู้จักวงนี้ The Naked and Famous เป็นวงแนว post-punk revival (แนวดนตรีที่พัฒนามาจาก alternative rock ในช่วงปลายปี 90 และต้นปี 2000 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก sound ดนตรีดั้งเดิมของดนตรีแนว garage rock ในยุค 1960s และ post-punk กับ new wave ในยุค late 70s) จาก Auckland ประเทศ New Zealand เริ่มฟอร์มวงเมื่อปี 2008 โดยมี Thom Powers เป็นหัวหน้าวง และ Alisa Xayalith (เธอมีเชื้อสายไทย-จีน แต่เกิดและเติบโตที่ New Zealand) เป็นนักร้องนำ ตอนนั้นทั้งสองได้อัดอัลบั้ม EPs ด้วยกันอยู่สองอัลบั้มที่มีชื่อว่า “This Machine” และ “No Light” โดยออกวางจำหน่ายกับค่ายเพลงอินดี้ท้องถิ่น Round Trip Mars และตอนหลังได้ Aaron Short ซาวด์เอ็นจิเนียที่เคยทำงานเบื้องหลังอัลบั้ม EPs กับทั้งสองคนมาร่วมวงพร้อมๆกับ Ben Knapp และ Jordan Clark ในตำแหน่งมือเบสและมือกลองประจำของวง แต่ตอนหลังทั้ง Knapp และ Clark ได้ออกจากวงและ Jesse Wood (มือกลอง) กับ David Beadle (มือเบส) ก็เข้ามาแทนที่ในปี 2009

“Passive Me, Aggressive You” คืออัลบั้มเปิดตัวของวง ซึ่งออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2010 ที่ New Zealand และทยานขึ้นเป็นอัลบัมขายดีอันดับหนึ่งของประเทศอย่างรวดเร็ว โดยมี 4 single ดังๆด้วยกันที่ได้ปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็น “All of This”, “Young Blood”, “Punching in a Dream” และ “Girls Like You” โดย “Young Blood” ได้ขึ้นเป็นเพลงอันอับหนึ่งของ New Zealand’s Singles Chart และสามารถครองตำแหน่งไว้ถึงสองอาทิตย์ด้วยกัน Passive Me,Aggressive You เป็นอัลบั้มสไตล์ดนตรี dance-rock โดยมีกลิ่นดนตรีแนว post-punk เจือปนอยู่หน่อยๆ แต่จริงๆแล้วอัลบั้มนี้เรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มที่มีดนตรีหลายแนวผสมผสานกันอย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเพลง “Young Blood” เป็นแนว synth-pop ในขณะที่ “Punching in a Dream” เป็นเพลงแนว dream pop และ “Spank” เป็นแนว psychedelic rock ซึ่ง variety ของแนวดนตรีเหล่านี้เองทำให้นักวิจารณ์เพลงหลายๆคนต่างยกนิ้วและชื่นชมใน production ความหลากหลายของแนวดนตรี และท่อน chorus ที่ช่างฟังติดหูแต่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย ความประสบความสำเร็จของอัลบั้มนี้ทำให้ The Naked and Famous ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงโพล “Sound of 2011” ของ BBC ตอนช่วงปลายปี 2010 และในปี 2011 วงนี้ก็ได้รับชื่อเข้าชิงรางวัล New Zealand Music Awards ถึง 6 รางวัลด้วยกันสำหรับ Album of the Year, Single of the Year, Best Group, Breakthrough Artist of the Year, Best Alternative Album และ People’s Choice Award นอกจากนี้ทางวงยังได้เสนอชื่อเข้าชิง NZ On Air Best Music Video และชนะ MAINZ Best Engineer Award และ MAINZ Best Producer Award

และในปีนี้ หลังจากที่วงห่างหายไปสองปีเต็มๆกับการทัวร์คอนเสิร์ตในหลายๆประเทศ ในที่สุด The Naked and Famous ก็ได้กลับเข้าห้องอัดเพื่อทำสตูดิโออัลบัมใหม่ชุดที่ 2 ที่ใช้เชื่อว่า “In Rolling Waves” ซึ่งจะออกวางจำหน่ายเร็วๆนี้ในวันที่ 13 กันยายน แต่ถ้าแฟนๆคนไหนอดใจรอฟังทั้งอัลบั้มไม่ได้ ก็ลองฟัง single แรก “Hearts Like Ours” ใน youtube ที่ทางวงเพิ่งปล่อยออกมาก่อนดีกว่า รับรองว่าจะหายคิดถึงเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Alisa และได้เห็นลุคใหม่ของ band members แต่ละคนที่ดูโตและขรึมมากขึ้น

อย่างที่บอกว่าใครที่ไม่เคยฟังเพลงของวงนี้ขอแนะนำให้ไปลองฟังอัลบัม Passive Me, Aggressive You รับรองว่าคุณจะได้วงดนตรีอินดี้วงโปรดวงใหม่เก็บไว้ใน list ของวงอินดี้ที่คุณชื่นชอบอย่างแน่นอน

[vsw id=”gqUJdcCjUIA” source=”youtube” width=”650″ height=”430″ autoplay=”no”]

 

CREDIT : Consequence of Sound

RECOMMENDED CONTENT

30.สิงหาคม.2019

หลังจากที่เริ่มเดินบนเส้นทางสายนักดนตรีอย่างจริงจังได้ไม่นาน ก็กลายเป็นอีกหนึ่งศิลปินหญิงที่น่าจับตามองมากที่สุดในช่วงเวลานี้ไปแล้ว สำหรับศิลปินหญิงมากความสามารถอย่าง “Valentina Ploy” (วาเลนติน่า พลอย) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) เพราะด้วยความสามารถทางด้านดนตรี ทั้งแต่งเนื้อร้องทำนองเองทั้งหมด