fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

10 หน้าปกนิตยสารแฟชั่นที่ถูกวิพากษ์วิจารมากที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา
date : 2.เมษายน.2014 tag :

มาถึงตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะเห็นหน้าปกนิตยสาร Vogue ฉบับล่าสุด ที่ได้ Kanye West และ Kim Kardashian มาขึ้นปกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนที่คุณเห็นหน้าปกนี้ครั้งแรกคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? รู้สึกชอบ เฉยๆ หรือรู้สึกว่าทั้งสองคนนี้ โดยเฉพาะสาว Kim Kardashian นั้นไม่คู่ควรที่จะมาขึ้นปก? ที่แน่ๆสื่อต่างประเทศหลายต่อหลายสื่อนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ทั้งสองคนนี้ได้มาขึ้นปก นี่ยังไม่นับพวกทวีตที่เหล่าคนดังในวงการหลายคนต่างวางแผนที่จะคว่ำบาตรนิตยสารชื่อดังนี้ในทวิตเตอร์ จน Anna Wintour บรรณาธิการของ Vogue ต้องออกมาอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเลือกสองคนนี้มาเป็นปก ทั้งๆที่ตัวภาพเองก็ไม่ได้ดูยั่วยุหรือดูไร้ซึ่งรสนิยมอะไร เพราะทั้งสองคนก็แค่ยืนโอบกอดแสดงความรักที่มีต่อกันและกันก็เท่านั้นเอง

และด้วยประเด็นของหน้าปกนิตยสารที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนี้เอง เราจึงขอรวบรวมหน้าปกนิตยสารที่เคยถูกวิพากษ์วิจารมาแล้วในไม่กี่ปีที่ผ่านมาให้ได้ชมกัน ถึงแม้ว่าภาพหน้าปกเหล่านี้จะทำให้พวกเราต่างเลิกคิ้วได้ไม่ยาก แต่ก็ถือว่าภาพเหล่านี้ได้ใช้สูตรสำเร็จในการช็อกหรือเซอร์ไพรส์ผู้ชมในแบบที่ทำกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อภาพในเชิงขายเซ็กส์ หรือดูลบหลู่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (กลุ่มศาสนา เชื้อชาติ และสิทธิของสัตว์ดูเหมือนจะบ่อยสุด) แน่นอนว่านิตยสารบางหัวหรือศิลปินที่มาร่วมทำงานด้วยก็มักจะพ่วงชื่อเสียงอื้อฉาวในทุกอย่างที่พวกเขาและเธอทำไม่ใช่น้อย อาทิ ช่างภาพชื่อดัง Terry Richardson ที่หลายคนคงพอจะเดาออกว่าทำไมเขาต้องคอยออกมาปกป้องชื่อเสียงและข่าวฉาวของตัวเอง ศิลปินสาวซ่า Lady Gaga และ Miley Cyrus เซเลบที่ดังเพราะเซ็กส์เทปของตัวเองอย่าง Kim Kardashian ไปจนถึงนิตยสารที่ชอบสร้างความฮือฮาอยู่บ่อยๆอย่าง Purple Magazine, V Magazine และ Candy เป็นต้น

 

null

Vogue US April 2008
เริ่มต้นหน้าปกนิตยสารที่ถูกวิจารมากที่สุดด้วยภาพหน้าปกของนิตยสาร Vogue ฉบับอเมริกา เมื่อเดือนเมษายน ปี 2008 ที่ในตอนนั้นทางนิตยสารได้ตัดสินใจเลือกนักบาสเกตบอลดาวดังของ NBA อย่าง Lebron James มาขึ้นปกในฐานะผู้ชายผิวสีคนแรกของนิตยสาร Vogue คู่กับซุปเปอร์โมเดล Gisele Bundchen โดยไอเดียของภาพๆนี้ก็คือให้ LeBron ทำท่าที่เขาถนัดอยู่แล้ว นั่นก็คือท่าเล่นบาสฯ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ให้โอบเอวสาว Gisele ไปด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าพอภาพนี้หลุดออกมา หลายสื่อต่างให้ความเห็นว่าภาพนี้ช่างดูคล้ายกับภาพของคิงคองที่กำลังจับหญิงสาวผมบลอนด์ไว้ในมือเหมือนในหนังไม่มีผิด ทำให้หลายคนสงสัยว่า ทางนิตยสาร Vogue นี่จริงๆแล้วเหยียดสีผิวอะไรหรือเปล่า แต่ในขณะเดียวกัน Lebron James ก็ได้ปฏิเสธคำวิจารเหล่านี้ และบอกว่าจริงๆแล้วเขาพอใจกับหน้าปกนี้มาก ส่วนในภาพเขาก็แค่พยายามแสดงความรู้สึกทางสีหน้านิดหน่อยแค่นั้นเอง

 

null

Purple Magazine Spring 2010
หลายคนคงจะพอทราบกันดีว่าเมื่อไหร่ที่ Lindsay Lohan และ Terry Richardson ร่วมงานกัน ผลที่ออกมาคงจะฉาวโฉ่อยู่ไม่น้อย แต่คราวนี้หนักกว่าเก่าเมื่อมี Oliver Zahm ผู้ก่อตั้งนิตยสารแฟชั่นฝรั่งเศสอย่าง Purple Magazine เข้ามาเอี่ยว เพราะในสมัยที่สาว Lindsay มีแต่ข่าวฉาวไม้เว้นแต่ละวัน เธอได้ขึ้นปกของนิตยสาร Purple โดยกางแขนเลียนแบบท่าของพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน แถมยังใส่มงกุฎหนามและชุดคลุมสีขาว ซึ่งพยายามสื่อให้ทุกคนเห็นว่าเธอกำลังถูกสื่อต่างๆทิ่มแทงเธออยู่ในขณะนั้น

 

null

W Magazine November 2010
ในสมัยที่ Kim Kardashian ได้ขึ้นปกนิตยสาร W Magazine ฉบับ Art issue พิเศษเมื่อปี 2010 เธอได้ทำให้สื่อหลายสื่อช็อกไปตามๆกัน ไม่ใช่แค่เพราะเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวงการศิลปะเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะเธอเปลื้องผ้าไม่ใส่อะไรเลยด้วยนั่นเองที่สามารถดึงความสนใจจากทุกคนจนอยู่หมัด สำหรับภาพหน้าปกนี้ ทางนิตยสารได้ศิลปิน collage ชื่อดัง Barbara Kruger มาเติมแต่งผลงานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอกับแถบประโยค “It’s all about me, I mean you, I mean me.” บนเรือนร่างของสาว Kim ในขณะที่ภาพเซ็ตแฟชั่นด้านในนั้นเธอได้เปลือยหมดโดยมีเพ้นท์สีเงินทาทับบนเรือนร่างของเธอเท่านั้น ถึงแม้ว่าสาว Kim จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวงการศิลปะเลย แต่การที่เธอเริ่มขยับมาทำธุรกิจทางด้านแฟชั่น นิตยสารฉบับนี้จึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากไปตามๆกัน

 

null

Candy Winter 2010-2011
นิตยสาร Candy ได้ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าตัวเองถือเป็นนิตยสารแรกที่สนับสนุนและยกย่องกลุ่มคนข้ามเพศทุกรูปแบบอย่างตรงไปตรงมาที่สุด และทางนิตยสารนี้ก็ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมากสมใจ เมื่อได้จับนักแสดงหนุ่ม James Franco มาแต่งเป็นกระเทยบนหน้าปกฉบับที่สองของนิตยสาร ส่วนช่างภาพที่จะมาสร้างผลงานอันฮือฮานี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Terry Richardson นั่นเอง หลังจากที่นิตยสารฉบับนี้วางแผง สื่อหลายสื่อต่างยกให้หนุ่ม James เป็นนักแสดงและศิลปินที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง แถมต่อมาเขายังกลายเป็นขวัญใจของกลุ่มคนข้ามเพศอย่างแพร่หลายอีกด้วย

 

null

Vogue Hommes Japan September 2011
มีสองเหตุผลหลักที่ภาพสองปักษ์ของ Lady Gaga สำหรับนิตยสาร Vogue Hommes ฉบับญี่ปุ่นเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก หนึ่ง เพราะปกแรกถือเป็นการแนะนำกับทุกคนทั่วโลกให้รู้จักกับ alter ego ของ Gaga เองกับ Jo Calderone ที่เธอแต่งเป็นผู้ชาย และเหตุผลที่สอง ก็เพราะว่าหน้าปกนี้ได้ทำให้ทุกคนรู้จักกับ “ชุดเนื้อสด” ของเธอเป็นครั้งแรกเช่นกัน สำหรับภาพหน้าปกนี้ถ่ายโดย Terry Richardson (อีกแล้ว) Gaga ได้ใส่ชุดบิกินี่ที่ทำจากเนื้อสด ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจต่อกลุ่มสิทธิของสัตว์ (animal rights) เป็นอย่างมาก และพวกเขาก็ต้องควันออกหูกันอีกครั้ง เมื่อสาว Gaga ได้ใส่ชุดเนื้อสดแบบเต็มรูปแบบไปรับรางวัล MTV Video Music Awards ในเดือนต่อมาอย่างไม่แคร์สื่อ

 

null

Dossier Issue 7 2011
เมื่อตอนที่นายแบบ androgynous (คนที่มีลักษณะของทั้งเพศหญิงและชาย) นามว่า Andrej Pejic ปรากฏตัวบนหน้าปกของนิตยสาร Dossier ภาพของเขาได้สร้างความสับสนและช็อกคนไปตามๆกัน ไม่ใช่เพราะเขาใส่เสื้อเชิ้ตไม่ติดกระดุมเผยให้เห็นแผงอกอะไรแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าหน้าของเขาช่างเหมือนผู้หญิงเหลือเกิน บวกกับทรงผมที่ดัดเป็นลอนแบบผู้หญิงนั่นต่างหากที่ได้สร้างความสับสนอย่างมากต่อคนที่เห็นภาพนี้  เชื่อหรือไม่ว่าภาพนี้ได้สร้างความอึดอัดต่อคนจำนวนมาก ถึงขนาดที่ว่าร้านหนังสือรายใหญ่ทั่วอเมริกาต้องขอให้ทางนิตยสารปิดบังภาพดังกล่าว โดยบรรจุนิตยสารฉบับนี้ในซองพลาสติกสีทึบก่อนมาจางจำหน่ายตามร้าน

 

null

Dazed and Confused September 2012
แร็ปเปอร์สาว Azealia Banks นั้นคุ้นเคยดีกับเสียงวิพากษ์วิจาร ส่วนภาพน้าปกบนนิตยสาร Dazed and Confused ของเธอนั้น Azealia ก็โชว์ความ ”แรง” ของเธอแบบไม่ยั้ง กับการทำท่าเป่าลมใส่ถุงยางอนามัยสีชมพู พร้อมกับ tagline ที่อ่านว่า “Azealia Banks Blows Up” ซึ่งในอีกความหมายหนึ่งนั้นแปลว่าเธอกำลังดังระเบิดแบบฉุดไม่อยู่นั่นเองจากซิงเกิ้ลเปิดตัว “212” แต่ก็อย่างว่า ภาพหน้าปกภาพนี้คงจะแรงไปสำหรับใครหลายๆคน เพราะนิตยสารฉบับดังกล่าวถูกแบนไม่ให้วางขายในเจ็ดประเทศไปเรียบร้อย

 

null

V Magazine Issue 82 2013
ถ่ายโดยช่างภาพระดับโลก Mario Testino ภาพหน้าปกสองภาพของนิตยสาร V ฉบับนี้ได้สองสาวฮอต Kate Moss และ Rihanna มาร่วมโพสต์ท่าเซ็กซี่สลับบทบาทกัน ปกหนึ่ง สาว Rihanna นั้นเปลือยหมดโดยมี Kate Moss ใส่ชุดชั้นในสีดำกับเสื้อกั๊กนั่งตักอยู่ ส่วนปกสอง คราวนี้ Rihanna ใส่ชุดชั้นในลูกไม้สีดำทับด้วยสูทนั่งบนตัก Kate Moss ที่เปลือยเปล่าไม่ใส่อะไรเลย เมื่อนิตยสารฉบับนี้วางแผง ภาพหน้าปกสองภาพอันร้อนแรงนี้ก็เป็นที่พูดถึงของคนจำนวนมากทันที ไม่ใช่เพียงเพราะได้สองสาวฮอตแห่งยุคอย่าง Kate Moss และ Rihanna มาเป็นแบบ แถมยังได้ Mario Testino มาถ่ายภาพให้ แต่เป็นเพราะว่าทั้งสองภาพนี้สื่อถึงการสลับบทบาทในการร่วมเซ็กส์มากกว่า ที่ทำให้นิตยสารฉบับนี้เป็นที่จดจำ

 

null

V Magazine Issue 83 2013
ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเราจะเห็นสาว Miley ถ่ายนู้ด แลบลิ้นปลิ้นตาจนเคยชินแล้ว แต่ภาพหน้าปกของนิตยสาร V ฉบับนี้ถือเป็นภาพแรกที่ทำให้ทุกคนทั่วโลกรู้ว่าสาว Miley เธอเปลี่ยนไปแล้วนะจ๊ะ ด้วยคำพาดหัวว่า “The Emancipation of Miley” หรือ “การปลดเปลื้องของ Miley” ในภาพนี้เธอได้ทำท่าดึงรั้งกางเกงในอย่างยั่วยุ ในขณะที่เซ็ตภาพข้างในมีทั้งภาพที่เธอเอามือปิดหน้าอกและภาพที่เธอหันข้างโชว์บั้นท้าย ไม่นานหลังจากที่นิตยสารฉบับนี้วางแผง Miley ก็ปล่อยมิวสิกวีดีโอสุดฉาว “Wrecking Ball” ออกมาและตระเวนถ่ายภาพนู้ด ภาพโป๊เปลือยเป็นว่าเล่น มาถึงตอนนี้กลับกลายเป็นว่าพวกเราดูจะแปลกใจเสียมากกว่า ถ้าเห็นเธอแต่งตัวมิดชิดออกงานหรือเวลาถ่ายแบบ

 

null

Candy Winter 2013-2014
ตอนที่คุณเห็นภาพนี้ของ Lady Gaga บนปกนิตยสาร Candy ฉบับล่าสุดแล้วคุณนึกถึงใคร? ถ้าคุณนึกถึงศิลปินเซอร์เรียลลิสต์ชื่อก้องโลกอย่าง Salvador Dali ล่ะก็ ขอบอกว่าคุณมาถูกทางแล้ว เพราะในภาพหน้าปกฉบับนี้ สาว Gaga ได้แต่งเป็น Salvador Dali จริงๆ แต่ยังคงความอาร์ตในตัวเธอ โดยสวมเสื้อโค้ทขนสัตว์ทับเรือนร่างอันเปลือยเปล่า พร้อมโชว์หน้าอกที่มีแมงป่องเกาะอยู่ ส่วนด้านล่างคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก เพราะเห็นชัดกันอยู่แล้ว ตอนที่ภาพนี้ถูกปล่อยออกมา แน่นอนว่าได้รับเสียงวิจารค่อนข้างมาก แต่ด้วยความที่ภาพและตัวเนื้อหาข้างในของนิตยสารทำออกมาอย่างมีรสนิยม หลายคนเลยมองว่ามันเป็นงานอาร์ตเสียมากกว่า

Credit: Highsnobiety

RECOMMENDED CONTENT

ทุกวันนี้ศิลปะในการผลิตมิวสิควิดีโอนั้นถือว่าก้าวหน้าไปอย่างมาก ทั้งในเรื่องเทคนิคและวิธีการเล่า ที่ศิลปินไม่น้อยให้ความสำคัญกับมันไม่แพ้ตัวเพลงที่พวกเขาทำ