“ปริมาณขยะในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าขยะที่พวกเขาทิ้งไปแล้วไปอยู่ที่ไหน และในแต่ละปีที่ผู้คนในอเมริกาทิ้งถ้วยกาแฟหลังการดื่มมากกว่า 146 พันล้านถ้วย แม้พวกเขาจะคิดว่ามันน่าจะโอเคแล้วกับการใช้ภาชนะแบบรีไซเคิล แต่ความจริงคือ ถ้วยกระดาษเหล่านั้นต้องผ่านการนำมาใช้ใหม่ 2-3 ครั้งกว่าตัววัสดุจะหมดสภาพจริงๆ จึงจะถูกนำไปฝังกลบ คงจะดีมากหากขยะมากมายนี้แปรเป็นพืชพันธุ์ได้” Alex Henige เอ่ยถึงปัญหาขยะซึ่งเป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัท Reduce. Reuse. Grow.
บริษัทเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ของ Alex นั้นมุ่งมั่นสร้างความแตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมา ให้กับผลิตภัณฑ์สำหรับคอกาแฟ ด้วยการคิดค้นถ้วยกาแฟปลูกพืชได้ครั้งแรกของโลก โดยมีความพิเศษตรงที่ไม่เพียงย่อยสลายได้ แต่บนผิวถ้วยกาแฟยังฝังเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการเลือกสรรให้เหมาะแก่การเพาะปลูกในแต่ละท้องถิ่นของร้านกาแฟเพื่อที่จะสามารถนำไปปลูกให้เจริญงอกงามได้ต่อไป
เมื่อลูกค้าซื้อกาแฟจากร้านที่ใช้ถ้วยกาแฟนี้ หลังจากดื่มแล้วพวกเขาสามารถนำไปปลูกด้วยวิธีการง่ายๆ ตามแต่เมล็ดพันธุ์ในแต่ละถ้วย สถานที่ที่เหมาะสม และคำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการปลูกซึ่งพิมพ์บอกไว้บนถ้วย
โดยวิธีการเบื้องต้นคือ คลี่ถ้วยกาแฟออกเป็นแผ่น จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเป็นเวลา 5 นาที แล้วปลูกลงดินได้เลย ส่วนระยะเวลาในการผลิดอกออกผลนั้นก็ประมาณ 1- 4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแต่ละพันธุ์พืช
หากลูกค้าไม่มีเวลานำไปปลูกหรือต้องการทิ้งเลยก็ไม่มีปัญหา เพราะถ้วยกาแฟนี้สามารถเป็นปุ๋ยหมักได้ ตัวถ้วยเองจะย่อยสลายภายใน 180 วัน จากนั้นเมล็ดที่ฝังอยู่ในถ้วยจะกลายเป็นสารอาหารสำหรับพืชอื่นๆ ต่อไป หรือหากทิ้งถ้วยกาแฟนี้ในถังขยะที่จัดขึ้นโดยเฉพาะเพื่อให้บริษัท Reduce. Reuse. Grow. เข้าไปเก็บ ทางบริษัทก็จะนำถ้วยขยะเหล่านี้ไปปลูกป่าหรือพัฒนาชุมชมร่วมกับโครงการต่างๆ ต่อไป โดยถ้วยกาแฟ 1 ถ้วย มีราคา $.02 หรือประมาณ 68 สตางค์
จากแนวคิดนี้ของ Alex ที่นึกถึงปัญหาขยะอย่างจริงจัง สู่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น นับเป็นอีกก้าวของการพัฒนาวิถีการบริโภค และยังเป็นการเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อขยะ ให้นึกถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ประกอบการ ร้านกาแฟ หรือร้านเครื่องดื่มต่างๆ ในการเลือกใช้ภาชนะที่ส่งเสริมวิถีการบริโภคอย่างชาญฉลาดนี้ด้วย
เอสเพรสโซ่ร้อนราคาเ 100 บาท ที่ซื้อมาดื่มแล้วเผลอทิ้งถ้วยหลังบ้านในวันนี้ อีกไม่นานอาจกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาไว้ผูกเปลนอนเล่นก็ได้ใครจะไปรู้ ดูสิ นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจจะปลูกยังมีประโยชน์เลย ยิ่งถ้าดื่มประจำแบบคาเฟอีนเลิฟเวอร์และตั้งใจปลูกก็คงปลูกได้เป็นสวนเขียวขจีเลยเชียว ว่าแล้วก็อยากให้ไทยเรามีถ้วยกาแฟอย่างนี้บ้าง เชื่อว่าต้องถูกใจคอกาแฟสายรักษ์โลกแน่นอน
Writer: Jayda Sopasooksri
Credit: laughingsquid
RECOMMENDED CONTENT
อาดิดาส เปิดตัวชุดแข่งขันทีมชาติอิตาลีคอลเลกชันแรก ร่วมกับสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี หลังประกาศความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยทีมชาติอิตาลีทุกระดับจะสวมชุดแข่งขันของอาดิดาส ไม่ว่าจะเป็น ทีมฟุตบอลชาย ทีมฟุตบอลหญิง ทีมฟุตบอลชุดเยาวชน ทีมฟุตซอล ทีมฟุตบอลชายหาด รวมถึง ทีมอีสปอร์ต (e-sports)