“Mr. Bean Coffee Shop…That’s cool!” เราได้ยินคู่รักฝรั่งคู่หนึ่งทักขึ้นพร้อมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อพวกเขาทั้งสองเดินผ่านร้าน Mr. Bean Coffee Shop แห่งนี้ ตอนที่เราทราบข่าวครั้งแรกว่ามีร้านกาแฟธีม Mr. Bean มาเปิดเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย เราก็รู้สึกตื่นเต้นและตั้งมั่นกับตัวเองไว้ว่า เร็วๆนี้ฉันจะต้องเข้าไปดูร้านนี้กับตัวเองให้ได้ เราเชื่อว่าใครก็ตามที่รู้ว่ามีร้านกาแฟ Mr. Bean มาเปิดอย่างเรา ก็ต้องรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับเราทั้งนั้น เพราะใครบ้างที่จะไม่ชอบ Mr. Bean? เรากล้าพูดได้เลยว่าในช่วงวัยเด็กของทุกคน จะต้องเคยดูซีรียส์เรื่อง Mr. Bean มาไม่มากก็น้อย เรายังจำได้ถึงวัยเด็กที่เราเคยนั่งดู Mr. Bean กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คนที่เหมือนจะติดอกติดใจ Mr. Bean มากที่สุดเห็นจะเป็นน้องชายของเราที่ในตอนนั้นอายุไม่กี่ขวบ แต่ตั้งใจดู Mr. Bean แทบจะทุกตอน และทุกครั้งที่ดู น้องเราก็จะหัวเราะชอบใจใหญ่ พร้อมกับบอกว่าชอบรถ mini สีเขียวอ่อนของ Mr. Bean นึกไปถึงความทรงจำในวัยเด็กสมัยนั้นทีไร เราก็อดที่จะอมยิ้มและรู้สึกอบอุ่นในใจไม่ได้ เราจึงคิดว่า ถ้าเราได้ไปเยี่ยมเยียนร้าน Mr. Bean Coffee Shop ที่ทองหล่อแห่งนี้ มันจะช่วยกระตุ้นความทรงจำและความรู้สึกเก่าๆในวัยเด็กของเรากลับคืนมาได้บ้าง
ถ้าคุณเห็นรถ mini cooper ลายธงชาติอังกฤษจอดอยู่ข้างหน้าร้าน นั่นก็หมายความว่าคุณได้มาถึงร้าน Mr. Bean Coffee Shop เป็นที่เรียบร้อย ส่วนหน้าร้านนั้นก็ดูน่ารักด้วยอิฐสีน้ำตาลอ่อนสลับสีน้ำตาลเข้ม ให้อารมณ์เหมือนบ้านสไตล์อังกฤษ พร้อมกับมีป้ายการ์ตูนรูป Mr. Bean ยืนข้างๆกับรถ mini สีเขียวอ่อนคู่ใจ เข้าไปข้างในร้าน บรรยากาศและการตกแต่งก็เป็นไปอย่างที่เราคิดไว้ สีสันและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ดูสดใสและเป็นธีมอังกฤษล้วน บางมุมของร้านทำให้เรานึกถึงการตกแต่งร้านสไตล์ American Diner และผับอังกฤษหน่อยๆ แต่สิ่งที่เราเชื่อว่าทุกๆคนจะต้องสนใจและอยากรู้ก็คือ “ทำไมเจ้าของร้านเขาถึงเลือกธีม Mr. Bean มาเปิดร้านกาแฟ และ mood and tone ในการตกแต่งร้านได้แรงบันดาลใจมาจากไหน?” โชคดีที่เราได้เจอกับคุณ อลิส ทอย Managing Director สาวสวยของร้าน เราจึงถือโอกาสถามเธอถึงที่มาที่ไปของร้านแสนน่ารักแห่งนี้
“คอนเซ็ปต์ของร้านนี้เกิดจากความชอบของน้องชายและคุณพ่อ ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการเปิดร้านกาแฟครั้งนี้ และพวกเราก็ชอบ Mr. Bean อยู่แล้ว อย่างน้องชายก็จะชอบรถ mini มาก ซึ่งมันก็ relate กับ Mr. Bean โดยตรง แล้วคุณพ่อก็ชอบคาแรคเตอร์ตัวนี้อยู่แล้วด้วย พวกเราจึงเปิดเป็นธุรกิจครอบครัวค่ะ อีกอย่างพวกเราก็โตมากับ Mr. Bean อย่างเราก็จะชอบความเป็นศิลปะในคาแรคเตอร์นี้ ซึ่งมันก็สื่อสารกับคนทั่วโลกได้ ไม่จำกัดเพศและวัย ยิ่งตอนนี้มันมีทำออกมาเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่น มันยิ่งขยายฐานคนดู เด็กดูได้ คนญี่ปุ่นก็ดูได้ ฝรั่งดูได้ คนไทยก็ขำ เรารู้สึกมันมีเสน่ห์ตรงนั้น”
แน่นอนว่าเราเห็นด้วยกับเธอ Mr. Bean ไม่ใช่เป็นแค่ซีรียส์ตลกธรรมดา แต่คาแรคเตอร์ของเขานั้นได้กลายเป็น global icon ไปเป็นที่เรียบร้อย เราสังเกตว่าบรรยากาศและการตกแต่งร้านนั้นดูสดใสและสื่อถึงความอารมณ์ดีของ Mr. Bean และความ iconic ของวัฒนธรรม pop culture ของอังกฤษล้วนๆ เราจึงถามคุณอลิสต่อว่า แล้วเธอได้ไอเดียการตกแต่งร้านนี้มาอย่างไร
“เราซื้อตัวคาแรคเตอร์มาอย่างเดียว ซึ่งเป็นแอนิเมชั่น ส่วนการออกแบบร้านและระบบต่างๆเรามาคิดกันเอง โดยเน้นคอนเซ็ปต์อยู่ที่ตัวแอนิเมชั่นเลย อย่างตัว wallpaper หรือว่าการดึง element ต่างๆก็มาจากตัวแอนิเมชั่น ส่วนจุดเด่นของร้านก็คงจะเป็นคาแรคเตอร์ของ Mr. Bean ที่ดูเป็น universal เขามีความตลก น่ารัก และขี้เล่น และเราก็อยากจะเป็นทุกอย่างที่ลูกค้าอยากให้เป็น เป็นที่ hangout ก็ได้ ครอบครัวมากันก็ได้ อะไรก็ได้ที่ลูกค้าต้องการ ถ้าสังเกต แต่ละมุมในร้าน mood and tone จะไม่เหมือนกัน นั่งแต่ละที่จะได้ความรู้สึกคนละแบบ”
และมันก็จริงอย่างที่เธอว่า เพราะร้านนี้จะแบ่งออกเป็นห้าส่วน ส่วนแรกจะเป็นส่วนที่เข้ามาในร้านปุ๊ปคุณก็จะเห็นทันที กับผนังสีเหลืองสดใส ที่ประดับไปด้วยภาพวาดหน้าทะเล้นต่างๆของ Mr. Bean แถมยังมีจอทีวีติดผนังขนาดใหญ่ที่โชว์การ์ตูนแอนิเมชั่นของ Mr. Bean อยู่ตลอด มุมนี้จึงเหมาะที่จะเป็นมุมสำหรับครอบครัวให้เด็กๆมานั่งทานอาหารเช้า พร้อมกับดูการ์ตูนไปด้วย มุมที่สองก็จะเป็นส่วนกลางของร้าน มีโต๊ะกลมขนาดเล็กอยู่ประมาณหกโต๊ะ เหมาะสำหรับคนที่นัดเพื่อนๆมา hangout สัก 2-3 คน มุมที่สามก็จะเป็นฝั่งผนังใหญ่อีกด้านของร้าน ที่มีโต๊ะยาวติดผนังสองโต๊ะพร้อมกับเบาะโซฟาใหญ่สีแดง ให้อารมณ์สไตล์ผับอังกฤษหน่อยๆ มุมนี้เหมาะสำหรับใครที่อยากหามุมส่วนตัววางแล็ปท็อปทำงานเงียบๆกับเพื่อน หรือสำหรับคู่รักวัยรุ่นมานั่งเดทกัน ส่วนมุมที่สี่จะเป็นมุมโต๊ะยาวติดริมหน้าต่างที่มีเก้าอี้นั่งสูง เหมาะสำหรับคนที่รักความเป็นส่วนตัว อยากอ่านหนังสือจิบกาแฟคนเดียวเงียบๆพลางชมวิวข้างนอกแบบเพลินๆ และมุมสุดท้าย มุมนี้จะเป็นส่วนของโต๊ะและเก้าอี้ข้างนอกร้าน สำหรับใครที่อยากนั่งรับสายลมแสงแดดชิลๆข้างนอกแบบสบายๆ
สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่ม Mr. Bean Coffee Shop ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะเมนูเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ espresso แบบร้อนและแบบเย็น ชา hot chocolate นมร้อน ไปจนถึงน้ำผลไม้ เราได้ลองสั่ง hot chocolate และ “Mr. Bean Signature Style” กาแฟ espresso ร้อนสูตรประจำร้านมาลองดื่ม ที่พอนำมาเสิร์ฟแล้วเราอดยิ้มออกมาไม่ได้กับความน่ารักของการตกแต่งหน้าเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ hot chocolate ที่ตกแต่งด้วยหน้าการ์ตูน Mr. Bean ได้เหมือนมากๆ ส่วนรสชาติของทั้งสองเครื่องดื่มก็เข้ากันได้ดีกับเค้กขายดีประจำร้านอย่าง “Thai Tea Crape Cake” ที่จะมีรสชาติเหมือนชานมเย็น ส่วนเมนูแนะนำที่คุณอลิสอยากให้ลองทาน ก็จะมีชุด all day breakfast อย่าง “GB Egg White Omelette” (145 บาท) สำหรับคนที่อยากกิน omelette แต่ไม่อยากกินไข่แดง จานนี้จะเป็น omelette แบบไข่ขาว สำหรับใครที่รักสุขภาพ ส่วนของหวานที่อยากให้ลองชิมก็คือ “Brown Castle” (185 บาท) เป็นบราวนี่ที่ข้างบนจะเป็น marshmallow ย่าง แล้วก็จะมีไอศกรีมวานิลลา ข้างล่างจะเป็น biscuit กรอบๆ ให้อารมณ์ nostalgic หน่อยๆถึงตอนไปแค้มปิ้งสมัยเด็กๆ
นอกจากนี้ยังมีอีกมุมหนึ่งของร้านที่เราเห็นว่าน่ารักดี ก็คือมุมขายของที่ระลึกของ Mr. Bean ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาหมี teddy bear ของ Mr. Bean หุ่นยาง Mr. Bean แบบบิดได้ และเสื้อยืดสกรีนลาย Mr. Bean อีกสี่แบบ ซึ่งของแต่ละอย่างนั้นส่งตรงมาจากอังกฤษ ใครที่เป็นแฟนตัวจริงของ Mr. Bean ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อกันได้ตามสบาย
โดยรวมแล้วร้านนี้มีบรรยากาศที่น่ารักและอบอุ่น มีความเป็นส่วนตัว ใครที่อยากมานั่งพักผ่อนหย่อนใจจิบกาแฟ อ่านหนังสือเงียบๆก็มาได้ หรือถ้ามาเป็นกลุ่มเพื่อนก็เหมาะ เพราะคุณจะสนุกกับการได้ถ่ายรูปน่ารักๆตามมุมต่างๆของร้าน หรือใครที่มีครอบครัวแล้ว ก็สามารถพาลูกๆมาทานอาหารเช้าพร้อมกับดูการ์ตูน Mr. Bean ไปเพลินๆ หรือถ้าใครที่เป็นแฟนตัวยงของ Mr. Bean แล้วละก็ เราคงไม่ต้องอธิบายอะไรไปมากกว่านี้ เพราะ this is the place for you! นอกจากนี้ทางร้านยังมีข่าวดีมาฝากกัน เพราะในเดือนหน้า Mr. Bean Coffee Shop กำลังจะไปเปิดสาขาที่สองที่ The Walk เกษตร-นวมินทร์ สำหรับใครที่ชอบไป hangout แถวนั้นเตรียมไปเยี่ยมเยียนกันได้ ขอบอกว่าการตกแต่งร้านและ mood and tone ของสาขาที่สองจะมีความพิเศษยิ่งกว่าสาขาแรกเสียอีก!
ตั้งอยู่ที่: ทองหล่อ ซอย 4 ข้างๆกับ Market Place
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 7:00 น. – 23:00 น.
Tel: 0925037315
Facebook: mrbeanthailandofficial
IG and Twitter: @mrbeanthailand
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
น่าจับตามองมากที่สุด สำหรับศิลปินคู่หูอินดี้ป๊อปอย่าง “Landokmai” (ลานดอกไม้) ประกอบด้วย “อูปิม - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง” (ร้องนำ) และ “แอนท์ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม” (กีตาร์, คอรัส) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ด้วยความชัดเจนโดดเด่นทางด้านดนตรีที่ผสมผสานความเป็น Dream-pop และความวินเทจแบบ Lo-fi ไว้ด้วยกันได้อย่างมีเสน่ห์