fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

ทำไมคนยุคนี้ชอบถ่ายรูปอาหารกันนัก? อยากรู้ว่าทำไมและเพราะอะไรต้องเข้ามาอ่าน
date : 27.กันยายน.2013 tag :

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ เรามีนัดทานข้าวกลางวันกับเพื่อนซี้ที่ร้านอาหารสุดชิคแห่งหนึ่ง พอพวกเราสั่งอาหารเสร็จ ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันนาน เราสองคนก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ไม่นานต่อมาพนักงานเสิร์ฟก็ได้เดินมาที่โต๊ะพวกเราพร้อมกับอาหารหน้าตาน่ารับประทานหลายจานพร้อมกับวางแต่ละจานลงบนโต๊ะ เห็นดังนั้นด้วยความหิว เราก็เตรียมตักอาหารจานโปรดมาไว้ที่จานของเราอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นเพื่อนตัวดีของเราก็รีบห้าม “เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนๆ ขอถ่ายรูปอาหารพวกเราแป๊ปนึง” และเธอก็รีบคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายรูปอาหารแต่ละจานอย่างตั้งอกตั้งใจ เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังขอถ่ายรูปอาหารทั้งโต๊ะจากมุมต่างๆ ทั้งมุมสูง มุมต่ำ มุมซ้าย มุมขวา และแบบ close up โดยตลอดเวลาที่เธอแชะภาพแต่ละภาพนั้น หน้าของเพื่อนตัวดีเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข แทนที่จะได้ทานอาหารตอนที่มันยังร้อนๆ เรากลับต้องมานั่งรอจนกว่าเพื่อนสุดที่รักจะได้ภาพที่เพอร์เฟคต์ที่สุด และถ่ายเสร็จใช่ว่าเธอจะกลับมาทานอาหารทันที เพื่อนเรากลับมัวยุ่งโพสท์ภาพรูปอาหารลงบน Instagram ใช่ว่าเราไม่เคยถ่ายรูปอาหารและโพสท์ลงบน Instagram ของเรา เราก็ถ่าย แต่เราจะเลือกถ่ายเวลาหน้าตาของอาหารมันดูน่ากินและพิเศษจริงๆหรือถ้าเรานั่งร้านอาหารบรรยากาศดีๆเราถึงจะถ่าย พอถ่ายเสร็จเราก็จะเอามือถือเราเก็บ แล้วค่อยไปโพสท์ลงบน Instagram ในเวลาอื่น เพราะอาหารเขาอุตส่าห์ทำมาร้อนๆ ถ้ามัวแต่ยุ่งวุ่นวายอัพโหลดภาพลงบน Instagram อีก อาหารคงหมดอร่อยกันพอดี และอย่าว่าแต่เพื่อนเราที่มัวยุ่งถ่ายรูปมือเป็นระวิงเลย เราเหลือบไปมองโต๊ะข้างๆ เขาก็กำลังตั้งใจถ่ายรูปอาหารบนมือถือเขาเหมือนกัน นี่ถือเป็นปรากฏการณ์ที่แพร่ระบาดไปทั้วโลกในยุคปัจจุบัน หากแต่มันเป็นสิ่งไกล้ตัวเรามากที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันจนหลายคนมองข้าม แต่ถ้าทุกคนกลับมาหยุดคิดอีกที เชื่อว่าใครหลายๆคนต้องสงสัยเหมือนกันว่าเราจะถ่ายรูปอาหารกันไปทำไมและทำไมหลายคนถึงทำกัน?

สำหรับใครที่นับถือศาสนาคริสต์และคาทอลิก ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหาร เราต้องสวดมนต์ขอบคุณพระเจ้าทุกครั้ง แต่พอมาในยุคปัจจุบัน การถ่ายรูปอาหารและโพสท์ลงบน Instagram ได้กลายเป็นเหมือนพิธีสำคัญก่อนรับประทานอาหารไปเสียแล้ว แทนที่จะเลือกบทสวดมนต์ คนเรากลับเลือกฟิลเตอร์ต่างๆแทน ทำให้ฟิลเตอร์อย่าง Lo-fi, Sierra และ Hudson เป็นเหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ใน generation เรา ดังนั้นหลายคนจึงเริ่มที่จะตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำไมคนยุคนี้ถึงบ้าการถ่ายรูปอาหารกันนัก นี่กลายเป็นว่าพวกเรากำลังอยู่ใน culture ที่คลั่งไคล้และหลงไหลเรื่องอาหารไปแล้วหรือ พวกเราชอบเรื่องอาหารการกินถึงขนาดต้องแชร์ภาพให้ทุกคนเห็นทุกครั้งเลยหรือ ทำไมพวกเราถึงต้องแชะภาพอาหารลงใน Instagram บ่อยๆ และที่สำคัญ ทำไมพวกเราถึงตั้งคำถามนี้ขึ้นมา?

ถ้าว่ากันตามเหตุผล อาจจะเป็นเพราะตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงยุคปัจจุบัน การกินถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์ การได้นั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารอร่อยๆถือเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนในครอบครัว แฟน หรือเพื่อนๆ มันสามารถ join คนร่วมกันได้ ซึ่งทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ community น่าเสียดายที่ชีวิตประจำวันของคนยุคนี้มักต้องเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบแต่งตัวออกจากบ้านไปทำงาน พอกลับมาบ้านจากที่ทำงานบางคนก็เหนื่อยและขี้เกียจเกินกว่าที่จะมาลงมือทำกับข้าวเอง การซื้ออาหารถุงกลับบ้านจึงเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด แต่ที่แน่ๆทุกคนชอบอาหาร ชอบกิน ทุกคนจะต้องมีอาหารจานโปรดของตัวเอง และในยุคนี้มุมมองที่พวกเรามีต่ออาหารได้เปลี่ยนไป วัฒนธรรมเกี่ยวกับอาหารไม่ใช่เพียงแค่กินเพราะความจำเป็นอีกต่อไป แต่พวกเรากินเพื่อความเพลิดเพลิน เพื่อลิ้มรส เพื่อดื่มด่ำอาหารในเชิงศิลปะ ไม่ใช่เพียงกินเพราะมันคือหน้าที่ต่อร่างกายของเรา และนอกเหนือจากการลิ้มรสในรสชาติของอาหาร การได้ชิมอาหารต่างๆสามารถพาเราไปสู่สถานที่ที่ไม่เคยไปอีกด้วย เมื่อเราได้ลิ้มรสชาติของอาหารที่เอร็ดอร่อยและมีความสุขอย่างเอ่อล้นนั้น ประสาทสัมผัสของเราจะกระตุ้นให้เรานึกถึงความหลังหรือคิดถึงวันเวลาเก่าๆ อย่างเช่นคุณอาจเคยได้ไปทานเบอร์เกอร์ยักษ์แสนอร่อยตอนคุณอยู่ที่อังกฤษตอนหน้าหนาว การได้ทานเบอร์เกอร์ตอนนั้นมันทำให้คุณผ่อนคลายและอิ่มเอมจนคุณลืมอากาศอันหนาวเหน็บไปได้เลย (เบอร์เกอร์ถือว่าเป็น comfort food อย่างหนึ่ง) แล้วพอคุณกลับมาอยู่เมืองไทย คุณก็ได้มีโอกาสไปทานเบอร์เกอร์ที่รสชาติคล้ายๆกับเบอร์เกอร์ที่คุณเคยทานตอนอยู่อังกฤษ ซึ่งนั่นมันไปกระตุ้นความรู้สึกและความทรงจำอันแสนสุขของคุณ ทำให้การได้มากินเบอร์เกอร์ในครั้งนี้คุณมีความสุขมาก บ่อยครั้งที่การทานอาหารจะนำพาคุณไปสู่ช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนชั่วขณะหนึ่ง จะว่าไป การรับประทานอาหารนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างประเดี๋ยวประด๋าว ในเมื่อพวกเราตักอาหารเข้าปากแต่ละคำ อาหารหน้าตาแสนอร่อยที่อยู่ตรงหน้าคุณที่คุณสัมผัสได้จะหมดลงในช่วงเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นการที่คนเราจะเก็บภาพอาหารสุดพิเศษนั้นไว้ได้ ก็คือการถ่ายรูปเก็บเอาไว้ พวกเราล้วนมีช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขหรือความอัศจรรย์ใจที่มีต่ออาหารเลิศรสจนยับยั้งตัวเองไม่อยู่ เราจึงอยากแชร์รูปอาหารที่เราทานให้คนอื่นๆได้เห็นกัน เหตุผลสำหรับบางคนในการแชร์รูปอาหารก็เพราะมันสื่อถึงการแชร์ประสบการณ์ การเฉลิมฉลอง การไปงานอีเว้นท์ หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็เพราะว่าการกินคือความสุขของเขา สิ่งที่เรากินคือสิ่งที่เราเป็น “what we eat is who we are” ดังนั้นการแชร์รูปอาหารคือวิธีที่จริงใจและตรงไปตรงมาที่สุดในการแชร์ความเป็นตัวตนของเรากับคนแปลกหน้าในสังคมออนไลน์

แต่ถ้าการแชร์รูปอาหารคือส่วนหนึ่งในการแชร์ประสบการณ์และความรู้สึกดีๆของเรา แล้วทำไมหลายๆคนถึงเริ่มเป็นกังวลและถกเถียงกันเกี่ยวกับการที่คนเราถ่ายรูปอาหารลง Instagram อยู่ตลอดเวลาจนกลายเป็นที่น่ารำคาญ มันกลายเป็นการกระทำที่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็จะเป็นที่ยอมรับ แต่บางครั้งการกระทำนี้ก็เป็นที่ดูถูกดูหมิ่น ไปจนถึงโดนหมั่นไส้ ว่าจะถ่ายอะไรกันนักกันหนากับแค่อาหาร?

Instagram แอปถ่ายรูปที่มีผู้ใช้ 80 ล้านคนทั่วโลก มีการอัพโหลดภาพถ่าย 4 พันล้านภาพต่อวัน มี 575 likes ต่อหนึ่งวินาที และ 81 คอมเม้นท์ต่อหนึ่งวินาทีนั้น ดั่งเช่น social media อื่นๆที่ทำให้เราสามารถแชร์ความเป็นตัวเราให้คนอื่นได้รับรู้นั้น ช่างเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนเราหมกมุ่นและหลงไหลในตัวเองอย่างร้ายกาจ คนรุ่นนี้ถือว่ากำลังประสบปัญหาของภาวะหลงตัวเอง พวกเราได้ถูกโน้มน้าวจากเจ้าแอปตัวนี้ให้คิดว่าเรานั้นสามารถที่จะแชร์ภาพที่ดูสวยงามและที่ดู “art” ได้ง่ายๆ เพียงแค่เลือกฟิลเตอร์ ปรับนู่นนิดนี่หน่อย แต่จริงๆแล้วข้อดีของพวก social media ต่างๆก็คือมันเป็นหนทางที่จะทำให้เราได้ connect กับเพื่อนๆหรือคนที่เราเพิ่งทำความรู้จักอย่างง่ายดายและตรงไปตรงมาที่สุด แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามหรือปฏิเสธได้ว่าแอปอย่าง Instagram นั้น ได้ทำให้คนเราหมกมุ่นกับอะไรที่เกี่ยวกับตัวเองมากเกินไป เพราะมันคือพื้นที่ที่เราจะสามารถแชร์อะไรก็ได้แล้วแต่ใจเราต้องการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนๆนั้นให้ความสำคัญอะไรกับชีวิตพวกเขาบ้าง และเหมือนว่าอาหารจะเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตมนุษย์หลายๆคนทั่วโลก เพราะจากสถิติของ Instagram แฮชแท็กคำว่า food มีถึง 58 ล้านกว่ารูป ส่วนเทรนด์ของการใช้แฮชแท็กอื่นๆก็มาแรงไม่เบาอย่างเช่น #foodporn #yummy #yumgasm และ #dessert เจ้าแอป Instagram นี้ประสบความสำเร็จและโด่งดังมาก แม้แต่พวกเชฟเองเดี๋ยวนี้ก็มี Instagram เป็นของตัวเอง (Jamie Oliver, Matthew Jennings และ Marcus Samuelsson เป็นต้น)

ถึงแม้เชฟบางคนเชื่อว่าการถ่ายรูปอาหารลงบน Instagram จะทำให้ความมีคุณค่าของอาหารและตัวร้านดูด้อยลง ความเป็นจริงก็คือความเป็นจริงอยู่วันยังค่ำ มนุษย์คือสัตว์สังคม เราชื่นชอบที่จะได้สังสรรค์และแชร์ภาพอาหารที่เราได้ทานกับคนอื่นๆ ที่สำคัญเราจะชอบดูว่าคนอื่นเขาแชร์อะไรบ้าง และลึกๆก็ลุ้นว่าจะมีคนมากด like ภาพเรากี่คน เพราะว่าในที่สุดแล้วถ้าไม่มีผู้ติดตามที่ follow เรา น้อยคนนักที่จะติดเล่นพวก social media อย่างเช่นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะ Instagram, Facebook, Twitter, Pinterest หรือ Tumblr ล้วนแต่เป็นพื้นที่สำคัญให้ผู้คนได้แชร์สิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต และสำหรับหลายๆคน สิ่งนั้นคืออาหาร แต่ใช่ว่าการถ่ายภาพลง Instagram หรือ social media ต่างๆจะเป็นแหล่งฮิตอย่างเดียว ตอนนี้นิตยสารเชิง lifestyle/community ที่ถ่ายทอดภาพอาหาร วิธีการทำ และการได้มา join กันของกลุ่มคนอย่างนิตยสาร Kinfolk และ Cereal ก็กำลังเป็นที่นิยมและเป็นกระแสอย่างมากเช่นกัน

สุดท้ายนี้ บางคนโพสท์รูปอาหารเพราะว่าอาหารมื้อนั้นมันอร่อย บางคนโพสท์เพราะหน้าตาอาหารและบรรยากาศของร้านดูสวยมีสไตล์ บางคนโพสท์เพราะอาหารจานนั้นราคาแพงและฉันอยากจะ show off หน่อยๆว่าฉันได้มากินที่หรูๆ บางคนโพสท์เพราะภูมิใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเอง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ความเป็นจริงก็คือ “อาหาร” คือความสุขของคนเรา มันสามารถสื่อถึงรสนิยมของคน พร้อมๆกับการนำพาคนหลายคนมา join กัน การทานอาหารร่วมกันนำพามาซึ่งความสุขและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนเรานั้นแนบแน่นยิ่งขึ้น และการถ่ายภาพอาหารลง Instagram นั้นก็สามารถเชื่อมโยงการรับประทานอาหารและการแชร์ประสบการณ์ชีวิตของเราเอาไว้ด้วยกัน แน่นอน การถ่ายภาพอาหารก่อนหรือระหว่างการทานอาหารที่ร้านนั้นไม่ผิด หากแต่ควรทำในขอบเขตที่พอดี ไม่ไปรบกวนคนที่เขามากินข้าวกับคุณหรือโต๊ะข้างๆ เพราะคุณจะกลายเป็นคนที่ถูกกลืนกินไปกับสังคมที่บ้าโชว์ทุกการเคลื่อนไหวของชีวิตตัวเองให้คนทั้งโลกได้รับรู้ตลอดเวลา

Writer : Thip S. Selley

Image By: CorrinreneeDesigntaxiDaiintheunionHbathursNicole J. B’s photostream 

RECOMMENDED CONTENT

1.มีนาคม.2022

แซมรู้สึกว่ายังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของแซมมากๆ แซมยังเป็นคนนึงที่แซมมองเรื่องดนตรีเป็นเรื่องของความสนุกอยู่ แซมชอบที่จะได้ทดลองเพลงต่างๆ วิธีการเขียนต่างๆ เหมือนกับดนตรีมันยังเป็นงานอดิเรกของแซมด้วย แล้วพอเราได้ออกมาทำเป็น Job ด้วยจริงๆ มันก็แฮปปี้ดี ไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่าศิลปินเต็มตัวได้ไหม แต่ว่าก็ทำอยู่เรื่อยๆ