ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อพวกเรานึกถึงย่านพัฒน์พงศ์ หลายคนมักนึกถึงย่าน “red light district” หรือแหล่งสถานที่เที่ยวกลางคืนอย่างพวกบาร์อะโกโก้ หรือไม่ก็พวกแผงขายของต่างๆมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของที่เน้นขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนหลายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นมองข้าม หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในซอยพัฒน์พงศ์นั้น อันที่จริงแล้วมีร้านสเต็กญี่ปุ่นที่เขาว่ากันว่ารสชาติเด็ดสุดๆอยู่ร้านหนึ่งตั้งอยู่
ถ้าให้พูดกันตามตรง เรามาแถวย่านนี้นับครั้งได้ ส่วนใหญ่ทุกครั้งที่มาก็ได้แต่เดินเล่นผ่านๆตอนกลางวัน ยิ่งตอนกลางคืนนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้นการที่เราได้รู้จักร้าน “Mizu’s Kitchen” นี่ก็เพราะมีเพื่อนแนะนำมา บอกว่าเป็นร้านเก่าแก่ของย่านนี้เลย เปิดมาได้ 50 ปีแล้ว ถ้าอยากกินสเต็กอร่อยๆในบรรยากาศแบบเก่าๆคลาสสิคดั้งเดิม สมัยรุ่นคุณพ่อคุณแม่ของพวกเรายังเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วละก็ ห้ามพลาดร้านนี้ ต้องลองแวะมาชิม แหม…โฆษณาเสียขนาดนี้ ไอ้เราก็ชักอยากรู้แล้วสิว่าร้านนี้มันเป็นยังไง ดังนั้นเราเลยไม่รอช้า หลังเลิกงานวันหนึ่งเรารีบชวนเพื่อนอีกคนไปร้านนี้ด้วยกัน ตอนที่พวกเราไปถึงซอยพัฒน์พงศ์นั้นเป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็นกว่าๆ พ่อค้าแม่ค้าของร้านต่างๆในซอยนั้นกำลังเตรียมจัดร้านอย่างขะมักเขม้น บ้างก็กำลังเข็นของเสียงดัง บรรยากาศดูวุ่นวายชอบกล ในขณะที่เรากำลังเดินหลบเหล่าพ่อค้าเข็นของอยู่นั้น เพื่อนเราก็ชี้ให้ดูว่าเราสองคนได้มาถึงร้าน Mizu’s Kitchen แล้ว เราเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายร้านสลับกับประตูเข้าร้านไปมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจอยู่สัก 10 วินาทีว่านี่หรือคือ Mizu’s Kitchen ที่เขาร่ำลือกัน เพราะดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของตัวร้านแล้ว ขอบอกว่าเป็นไปได้น้อยมากถ้าอยู่ดีๆคุณกำลังเดินเล่นแถวนั้นเป็นครั้งแรก แล้วเหลือบไปมองเห็นป้ายร้านนี้ และนึกครึ้มเดินดุ่ยๆเข้าร้าน นอกเสียจากร้านนี้เป็นร้านโปรดของคุณพ่อคุณ หรือเคยมีคนแนะนำคุณเกี่ยวกับร้านนี้มาก่อน ด้วยประตูไม้เก่าที่ดูอย่างกับประตูปิดตายและหน้าร้านที่ไม่มีกระจกแม้แต่บานเดียวให้คุณได้อย่างน้อยมองเห็นบรรยากาศภายในร้าน ตอนเราเห็นร้านนี้ตอนแรกเลยรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจที่จะเข้าไปเสียเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมาถึงที่และเพื่อนเราก็แนะนำมาเสียดิบดี จะให้เปลี่ยนใจเดินหันหลังกลับก็คงจะไม่ใช่
เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่จะปะทะสายตาคุณมากที่สุดก็คือม่านสีแดงก่ำที่รูดปิดเกือบทั้งผนังของร้าน คราวนี้พอปรับสายตากับแสงไฟสีเหลืองอ๋อยได้แล้ว เราก็สังเกตว่าของตกแต่งในร้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเฉดสีแดงหมด ไม่ว่าจะเป็นพรม ผ้าคลุมโต๊ะลายทางสีแดงตัดสลับขาว หรือแม้แต่ดอกไม้เล็กๆในแจกันของแต่ละโต๊ะยังเป็นสีแดง ทุกอย่างดูเป็นเซ็ตติ้งที่แปลกตามาก อย่างกับหลุดออกมาจากหนังของ Quentin Tarantino ยังไงยังงั้น แต่เมื่อคุณได้นั่งที่โต๊ะและซึมซับบรรยากาศโดยรอบดีๆคุณก็จะรู้สึกว่าเหมือนตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปในร้านสมัยยุค 1950 ดีๆนี่เอง ไม่น่าเชื่อว่าบรรยากาศภายในร้านกับข้างนอกจะแตกต่างกันอย่างกับอยู่คนละโลกได้ขนานี้ เริ่มเชื่อแล้วว่าร้านนี้เขาเก๋าจริง
คราวนี้มาพูดถึงเรื่องอาหารกันบ้าง อันที่จริงในเมนูเขามีอาหารหลากหลายจานให้เลือกสั่งมากๆ แต่เรากับเพื่อนตัดสินใจสั่งเมนู “Sarika Steak” (220 บาท) มาแชร์กัน เพราะเพื่อนที่แนะนำบอกว่าถ้ามาร้านนี้ต้องสั่งสาริกาสเต็ก ซึ่งถือเป็นอาหารจานเด็ดของเขาเลย นั่งรอดื่มเบียร์เพลินๆสักประมาณ 15 นาที สาริกาสเต็กก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะพร้อมกับสลัดผัก ขนมปังอิตาเลียน และเนย สเต็กร้านนี้จะมาเสิร์ฟบนกระทะร้อน ซึ่งเอกลักษณ์ในการเสิร์ฟของร้านนี้ก็คือ เมื่อพนักงานราดน้ำซอสบนเนื้อสเต็ก เพื่อกันไม่ให้น้ำกระเซ็นใส่หน้าลูกค้า ชายผ้าปูโต๊ะจะรีบถูกยกขึ้นมากันตัวเรา จะเรียกว่าเป็นกิมมิคที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไม่รู้ แต่ก็เป็นอะไรที่แปลกดีเหมือนกัน ส่วนเรื่องรสชาติอาหารนั้นต้องให้สิบเต็มสิบ เพราะทุกอย่างในจานอร่อยมาก เนื้อหมูที่ราดซอสนั้นรสชาติกลมกล่อมและนุ่มลิ้น แครอทกับถั่วเขียวก็ต้มกำลังพอดี แต่ที่โดนใจเรากับเพื่อนมากๆก็คือมันบดที่หอมกลิ่นเนย เป็นจานที่กินแล้วอิ่มกำลังพอดี
ถึงแม้ว่าตอนที่เราไปลูกค้ายังไม่เยอะมาก แต่ได้ข่าวว่าร้านนี้จะขายดีตอนกลางคืน โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งและญี่ปุ่น ถ้าคุณกะมาร้านนี้เพื่อจะมาถ่ายรูปลงอินสตสาแกรมหรือเพื่อมาซึมซับบรรยากาศ ร้านนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะนัก เพราะเสียงอันจอแจวุ่นวายของร้านค้าข้างนอกที่เล็ดลอดเข้ามาข้างในอาจทำให้คุณรำคาญได้ แต่ถ้าคุณตั้งใจมาที่ร้านนี้เพื่อมาชิมสาริกาสเต็ก รับรองว่าไม่ผิดหวัง แถมในเมนูทางร้านยังมีอาหารจานเด็ดอื่นๆให้คุณลองสั่งอีกมากมายเช่นกัน อาทิ สเต็กเนื้อสันอเมริกา สเต็กปลาซาบะ หอยลายผัดเนย มันฝรั่งบดกับเนื้อปูทอด และปลาไหลย่างเป็นต้น
ด้วยราคาอาหารที่ไม่แพงมากนัก กับบรรยากาศของร้านที่ไม่ค่อยเหมือนใคร เชื่อว่าร้านนี้สามารถกลายเป็นอีกหนึ่งร้านโปรดของคนชอบกินสเต็กได้ไม่ยาก
ตั้งอยู่ที่: 32 ซอยพัฒน์พงศ์ 1 แขวงสีลม เขตบางรัก (BTS ศาลาแดง)
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 11.00 น. – 24.00 น.
Tel: 02 233 6447
Facebook: https://www.facebook.com/mizubkk
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
Toro y Moi (โตโร อี มัว) หรือ Chaz Bear (เมื่อก่อนเรารู้จักเขาในชื่อ Chaz Bundick) คือศิลปินที่มีสไตล์ดนตรีหลากหลายในทุกอัลบั้มที่ออกมา เพราะได้อิทธิพลการฟังดนตรีหลากหลายแนวตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเป็นที่รู้จักจากผลงานสไตล์ chillwave/ bedroom pop