เสียวหมี่ ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกประกาศเปิดตัว Redmi Note 8 Series ถึง 2 รุ่นในไทย ทั้ง Redmi Note 8 Pro 4 กล้อง ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เกมมิ่งสมาร์ทโฟน ที่เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นที่ 7,999 บาท และ Redmi Note 8 สมาร์ทโฟน 4 กล้อง ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ที่ราคา 4,999 บาท พร้อมเปิดตัวอุปรกรณ์อัจฉริยะเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวไทย อาทิ Mi Air Purifier 3H เครื่องฟอกอากาศนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากเสียวหมี่ ราคา 5,990 บาท Mi Handheld Vacuum Cleaner เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi แรงดูดพลังไซโคลน ราคา 8,490 บาท และกระเป๋าเดินทาง Xiaomi Metal Carry-on Luggage 20” ราคา 7,490 บาท
นายโรซัน หลัว ผู้จัดการประจำประเทศไทย เสียวหมี่ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กล่าวว่า “Redmi Note เป็นหนึ่งในซีรี่ย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเสียวหมี่ในทุกตลาดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยซีรี่ย์นี้แสดงให้เห็นถึงปรัชญาแนวคิดของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง นอกจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้จะได้ถูกออกแบบมาให้สอดรับกับแนวคิดดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบจนได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งแล้วราคายังเป็นที่น่าดึงดูดใจอีกด้วย และผมมั่นใจว่าสำหรับแฟนที่รักเสียวหมี่และรอคอย Redmi Note 8 และ Redmi Note 8 Pro จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะเราเองก็รู้สึกดีมากและตื่นเต้นที่จะได้ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดนี้ถึงมือทุกคนเช่นกัน”
Redmi Note 8 Pro
หลังจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลางในจีน Redmi Note 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของเสี่ยวหมี่ที่มาพร้อมกับกล้องที่คมชัดขั้นสุด 64 ล้านพิกเซล ที่มีกล้องให้มากถึง 4 ตัว พร้อมระบบระบายความร้อน LiquidCool อันทรงพลัง ทำให้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ เหล่าเกมเมอร์ หรือผู้ที่มองหาประสบการณ์การใช้งานสินค้าคุณภาพระดับเรือธง
เก็บภาพสวยสมใจด้วยความคมชัดขั้นสุด 64 ล้านพิกเซล กับกล้องถึง 4 ตัว
Redmi Note 8 Pro ไม่ได้มีแค่สามกล้อง แต่ให้มากถึง 4 กล้องคุณภาพจัดเต็ม กล้องหลักมอบความคมชัดและรายละเอียดขั้นสุดระดับ 64 ล้านพิกเซล คมชัดจนสามารถนำภาพที่ถูกถ่ายด้วย Redmi Note 8 Pro ในโหมด 64 ล้านพิกเซล มาทำสื่อสิ่งพิมพ์ได้จนมีขนาดใหญ่ถึง 3.26 เมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเก็บภาพแสงสียามค่ำคืนหรือในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่าที่เคยด้วยการรวมพิกเซลจาก 4 เป็น 1 โดยเพิ่มขนาดพิกเซลต่อจุดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1.6 ไมครอน ซึ่งจะรับแสงได้ไวกว่าเดิม ส่งผลให้ภาพมีความละเอียดมากขึ้น ส่วนกล้อง ultra-wide angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างได้สวยสมบูรณ์แบบและกว้างถึง 120 องศา และเสริมทัพด้วย 2 เลนส์สำคัญ ทั้งเลนส์ macro ที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ depth ที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มาผนึกกำลังกันมาสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับกล้องตัวท็อปของ Redmi และที่ล้ำไปกว่านั้น คือกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI พร้อมเก็บทุกรายละเอียดที่สำคัญ ด้วยโหมด portrait selfies, scene detection และ face unlock ปรับภาพให้สวยทุกมุมมอง
เมื่อความคงทนมาผสานกับดีไซน์สุดหรูอย่างลงตัว
Redmi Note 8 Pro นำนวัตกรรม Corning® Gorilla® Glass 5 มาใช้กับตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและหลังเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการตกกระแทกและการขีดข่วน และยกระดับความคงทนขึ้นอีกขั้นโดยใช้เทคโนโลยีป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่นระดับ IP52 มีให้เลือกถึงสามสีหลายสไตล์ในแบบคุณ ไม่ว่าจะเป็น Mineral Grey, Pearl White และ Forest Green
มอบประสิทธิภาพชั้นเลิศสำหรับประสบการณ์เล่นเกมส์เหนือระดับ
Redmi Note 8 Pro มอบประสิทธิภาพการเล่นเกมส์ที่เหนือระดับ ด้วยการนำเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลอันทันสมัยจาก MediaTek Helio G90T ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล CPU Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.05 GHz และเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลกราฟฟิกล่าสุด GPU Arm Mali-G76 3EEMC4 ให้ความถี่สูงสุด 800MHz และ AI อัดแน่นถึง 1 TMACs พร้อมฟีเจอร์ LiquidCool ซึ่งเป็นรุ่นแรกในซี่รี่ย์ Redmi Note ที่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ ทำให้คุณสามารถใช้งานแบบไฮสปีดได้อย่างเพลิดเพลิน ไร้กังวลว่าเครื่องจะร้อนเกินไปเมื่อเล่นเกมส์ และพ่วงมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุขั้นสุดถึง 4500 mAh ซึ่งเป็นความจุสูงที่สุดของรุ่น Redmi Note ที่มีตอนนี้ ขนมาพร้อมกับฟีเจอร์อีกมากมาย ทั้งโหมดประหยัดพลังงาน และระบบปรับความสว่างอัจฉริยะเพื่อช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้คุณใช้งานได้นานขึ้น รองรับระบบชาร์จเร็ว 18 วัตต์ มี IR Blaster และช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร อีกด้วย
Redmi Note 8
Redmi Note 8 มาพร้อมฟีเจอร์อัดแน่น ด้วยความคมชัดระดับอัลตร้าถึง 48 ล้านพิกเซล จากกล้องถึง 4 ตัว ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 665 ชิปเซ็ตทรงพลัง เทคโนโลยี AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ให้กับโทรศัพท์ของคุณเพื่อการใช้งานที่ยาวนานตลอดวัน และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4000mAh และที่พิเศษไปกว่านั้น คือฟังก์ชันการทำความสะอาดตัวเองของลำโพง ที่สามารถไล่ฝุ่นหรือสิ่งสกปรก ผ่านคลื่นความถี่ต่ำ Sonic Pulses (พัลส์)
เก็บภาพสวยคมชัดได้มากกว่ากับกล้อง 4 ตัว ความละเอียดมากถึง 48 ล้านพิกเซล
Redmi Note 8 คือขุมพลังแห่งการถ่ายภาพ ที่มาพร้อมกับกล้องหลังถึง 4 ตัว ซึ่งกล้องหลักมีความคมชัดระดับอัลตร้า 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ ½ นิ้วและรูรับแสงขนาด f/1.79 และมุมมองภาพในมุมกว้างขนาด 79.4° ในขณะที่กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถขยายมุมมองภาพที่กว้างได้มากถึง 120° พ่วงมาด้วยเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ผสานการทำงานกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะถ่ายภาพใกล้หรือไกลก็สามารถเก็บภาพสวยสมใจได้ สำหรับกล้องหน้า Redmi Note 8 ก็มาพร้อมกับกล้องเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ด้วยรูรับแสงขนาด f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI ที่จะช่วยให้คุณถ่ายรูปเซลฟี่ให้ออกมาสวยสมบูรณ์ กล้องหน้ายังมีฟีเจอร์พาโนรามาเซลฟี่ ที่สามารถถ่ายรูปกลุ่มครบทุกคนในภาพโดยที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งโดนตัดออกไป ถือได้ว่า Redmi Note 8 เป็นรุ่นแรกในตระกูล Redmi ที่ทำได้
ความคงทนผสานเข้ากับความสะดวกสบาย
หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ และเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ Dot Drop ดีไซน์กระจก 2.5D ขอบโค้งมนรอบด้าน มอบประสบการณ์การมองเห็นสุดพิเศษระดับ FHD+ อัตราส่วนพื้นที่หน้าจอที่มีมากถึง 90% ช่วยให้คุณดูได้อย่างเต็มตา ทั้งยังได้รับมาตรฐานการรับรองการป้องกันแสงสีฟ้า จาก TÜV Rheinland ให้คุณใช้งานอย่างสบายตาและช่วยป้องกันอาการเมื่อยล้าของดวงตา คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความคงทนที่อัพเกรดขึ้น เพราะจอแสดงผลใช้ Corning® Gorilla® Glass 5 เพื่อความทนทานของหน้าจอและฝาหลัง Redmi Note 8 มีสามสีให้เลือกดังนี้ Space Black, Neptune Blue, and Moonlight White
ราคาและการจัดจำหน่าย Redmi Note 8 Pro
Redmi Note 8 Pro รุ่น RAM 6GB+64GB และ RAM 6GB+128GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mineral Grey, Pearl White และ Forest Green จะเริ่มเปิดอย่างจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ผ่าน 3 แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ JD CENTRAL, Lazada และ Shopee ในวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. ในราคา 7,999 บาท และ 8,999 บาท
RECOMMENDED CONTENT
อาดิดาส เปิดตัวซีรีส์ภาพยนตร์ต้อนรับการแข่งขันยูโร 2020 (UEFA EURO 2020TM) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก้แฟนบอล นักฟุตบอล และทุกคนได้มองเห็นถึงโลกแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงสิ่งความแตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การแข่งขันและเราทุกคนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น