fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#Visit : พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ลุยปั้น ‘อีวี มาร์เก็ตเพลส’ ตั้งเป้ายอดขาย ‘โวลท์’ 5,000 คัน กวาด 2 พันล้านบาท ภายในปี 2566
date : 17.สิงหาคม.2022 tag :

บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า มัลติแบรนด์แห่งแรกของไทย (Multi-Brand EV Distributor) ภายใต้คอนเซ็ปต์ EV Marketplace และเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ DFSK หรือ DONGFENG ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน แต่ผู้เดียวในประเทศไทย รวมถึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอร์รี่อีก 2 แบรนด์ คือ SERES และ VOLT City EV อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

คุณพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เปิดเผยถึงเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้  โดยเห็นได้จากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แตะที่ 6.75 ล้านคัน จากการศึกษาตลาด อย่างตลาดจีนกับตลาดยุโรป อาทิ ประเทศนอร์เวย์ และประเทศฟินแลนด์ สัดส่วนตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามียอดขายเกิน 50% ของภาพรวมตลาด ซึ่งเติบโตรวดเร็วอย่างน่าสนใจ แต่ยังเป็นลำดับ 2 รองจากประเทศจีน ที่มียอดขายในตลาดรถยนต์กว่า 20 ล้านคัน และมีสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ถึง 3.3 ล้านคัน คิดเป็นอัตราส่วนเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปมากกว่า 10% โดยแบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (City EV) ถึงกว่า 9 แสนคัน โดยคิดเป็น 1 ส่วน 3 ของภาพรวมตลาดรถยนต์ทั้งหมดในจีน

บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงการเติบโตที่คาดการณ์ว่าจะขยับสูงขึ้นของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และยังสอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป (Customer Behavior) และการคาดคะเน ประเมินค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดรอบด้านมากขึ้น อิทธิพลจากความผันผวนของราคาน้ำมัน รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่นอกจากข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าแล้ว ยังช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ หากวิเคราะห์กันที่จุดคุ้มทุน (Break Even Point) เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าต่อค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคนเมืองเฉลี่ยที่ 5,000 บาท/ต่อเดือน เปรียบได้จากค่าเฉลี่ยการเดินทางไป-กลับ ด้วย Public Transportation

ทั้งยังสอดรับกับพฤติกรรมและความสนใจรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในปัจจุบันของ Gen Z และทุกกลุ่มวัย ที่กำลังมองหาความสะดวกสบาย และยังให้ความคุ้มค่าในระยะยาว โดยอนาคตมีแนวโน้มจำกัดให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน หรือ Electronic Appliance ที่จำเป็นอีกชิ้นหนึ่ง และหากได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจะทำให้เกิด ecosystem ที่แข็งแรงขึ้นในด้านรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ไปพร้อม ๆ กับการเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ตั้ง จะมีส่วนช่วยเร่งให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และยิ่งทำให้เพิ่มอัตราเร่งการเติบโตของความต้องการนี้อย่างแน่นอน

บริษัทฯ จึงได้คัดสรรและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็น City EV ภายใต้แบรนด์ VOLT City EV โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่วงล่างทั้งหมด เพื่อการขับขี่ที่สบายมากขึ้น ลดแรงกระแทก พวงมาลัยควบคุมง่าย ดีไซน์สวยทันสมัย โดยได้เจาะไปที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (City EV) เป็นรถยนต์เสริมที่มาพร้อมความประหยัด อำนวยความสะดวกเพื่อใช้เดินทางในระยะใกล้ ระดับการใช้งานอยู่ที่ 160 – 200 กม. ต่อการชาร์ต 1 ครั้งที่ 6 ชั่วโมง ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบรถยนต์ขนาดเล็ก และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองโดยเฉพาะ โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดไว้ราว 40 ล้านบาท ในการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มดีลเลอร์ การตลาดและการโฆษณา งานจัดแสดงรถยนต์ต่าง ๆ รวมไปถึงผลักดันกิจกรรม Test Drive ทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้เปิดจอง VOLT City EV รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ดีไซน์สไตล์มินิมอล ถูกออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ VOLT City EV ซึ่งเปิดตัวออกมา 2 รุ่น คือ VOLT FOR – TWO (3 ประตู 2 ที่นั่ง) ราคาเริ่มต้น 3.25 แสนบาท และ VOLT FOR – FOUR (5 ประตู 4 ที่นั่ง) 3.85 แสนบาท โดยเปิดให้จองรอบแรก ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ถล่มโควต้ายอดจองถึง 1,000 คัน ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย ที่มีความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตขึ้นถึง 48% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยมียอด xEV ในไทย ที่มียอดจดทะเบียนเกิน 40,000 คัน ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำกระแสความนิยมในไทยที่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในอนาคต

ประกอบกับมาตรการสนับสนุนการใช้และผลิตรถพลังงานไฟฟ้าจากรัฐบาล รวมไปถึงการตื่นตัวต่อภาวะโลกร้อนที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้น กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการกระตุ้นให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่มีมาตรการสนับสนุนให้มีการใช้และผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยใช้งบประมาณอุดหนุนเงินส่วนลดตั้งแต่ 70,000 – 150,000 บาทต่อคัน กับค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมด้วยมาตรการปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทฯ ตอบรับตามนโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของกรมสรรพสามิต ทำให้สามารถทำราคาที่คุ้มค่าให้ผู้บริโภคได้ พร้อมจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กรุงศรีออโต้ ในด้านโปรโมชั่นเงินดาวน์ 0-5% และการผ่อนชำระเริ่มต้นที่ 3,600 บาท ระยะเวลาสูงสุด 84 เดือน รวมไปถึง บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในการดูแลประกันอุบัติเหตุของรถยนต์ไฟฟ้า VOLT City EV ทุกคัน และ E-VOLT ผู้ผลิตและติดตั้ง Wall Box ให้กับค่ายรถยนต์ชั้นนำ โดยให้บริการตรวจระบบไฟฟ้าตามบ้าน สำหรับการเปิดขายพรีเซลล์รอบที่ผ่านมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ทางบริษัทจะเริ่มส่งมอบรถ VOLT City EV ได้ในช่วงปลายเดือนกันยายน ซึ่งจะสามารถส่งมอบได้ทั้งหมดกว่า 1,000 คัน ภายในปี 2565 นี้ ควบคู่กับการเดินหน้าส่งทีมสำรวจโดยทีมงานมืออาชีพของ E-VOLT โดยจะตรวจสอบพร้อมให้คำแนะนำในการปรับระบบไฟฟ้าและตรวจระบบไฟฟ้าตามบ้าน ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทฯ ที่ใส่ใจ เน้นย้ำการสร้าง EV Experience ที่ดีให้กับลูกค้าตั้งแต่วันแรก พร้อมตั้งเป้ายอดขายแตะ 5,000 คัน มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ภายในปี 2566

นอกจากนี้ ยังเดินหน้า ‘อีวี มาร์เก็ตเพลส’ (EV Marketplace) แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยคอนเซ็ปต์ Multi – Brand EV โชว์รูม นำเสนอรูปแบบ Product Mix ในลักษณะโชว์รูมที่รวบรวมรถยนต์ไฟฟ้าจากหลากหลายแบรนด์ ที่แตกต่างและโดดเด่น ที่มีราคาตั้งแต่ 3 แสนบาท – 3 ล้านบาท โดยส่ง โวลท์ (VOLT) นำร่องเป็นแบรนด์แรก และยังมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้บริษัทฯ ในปีหน้า พร้อมตั้งเป้าขยายศูนย์บริการ 35 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2566

“ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ โดยทุ่มงบลงทุน รวมกว่า 400 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จและเริ่มไลน์ผลิตแรกได้ในปลายปี 66 เพื่อประกอบขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ และรองรับความต้องการของตลาดภูมิภาคอาเซียนในอนาคต พร้อมเดินหน้าลุยแผนส่งออกไปยังประเทศในอาเซียน โดยเบื้องต้นตั้งเป้าการผลิตอยู่ที่ 4,000 คันต่อปี” คุณพิทยา กล่าวทิ้งท้าย

RECOMMENDED CONTENT

21.กันยายน.2020

หากผู้บริโภคต้องการเห็นการตลาดแบบเดิม ๆ นิสสันเอเชีย และโอเชียเนีย ขอเตือนว่า อย่าเปิดดูแบรนด์แคมเปญล่าสุด หรือเข้าไปดูเว็บไซต์ใหม่ของนิสสัน ซึ่งเริ่มเปิดตัวในประเทศออสเตรเลีย ประเทศไทย และประเทศฟิลิปปินส์ เร็วๆ นี้ นิสสันนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุด