fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#VISIT – เมื่อเราไปคุยกับ BKN48 ถึงความรู้สึกของเบื้องลึกกับสารคดี ‘One Take’ ในวันที่ยังไม่ถึงเวลาคัท
date : 18.มิถุนายน.2020 tag :

One Take ภาพยนต์สารคดีออริจินอลบน Netflix เรื่องแรกที่เพิ่งฉายไป ผลงานสารคดีชิ้นที่ 2 ของ BNK48 ที่ได้ผู้กำกับฯ โดนัท (มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล) มาถ่ายทอดเรื่องราวการแข่งขัน และความกดดันต่างๆ ที่เหล่าเมมเบอร์ต้องเจอกว่าจะมาเป็นไอดอลของทุกคนในวันนี้

เรื่องราวใน One Take เป็นช่วงเวลาที่ BNK48 รุ่น 2 เดินเข้ามาเติมเต็ม แต่นั่นก็ทำให้ความกดดันเด้งกลับไปอยู่ที่รุ่นพี่อีกระลอก รวมถึง General Election งานเลือกตั้งครั้งแรกของ BNK48 ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำตา ทำให้ เฌอปราง (เฌอปราง อารีย์กุล) ถึงกับเอ่ยปากว่า “สารคดีเรื่องนี้เป็นอะไรที่เรียลมากๆ”

Netflix ชวนดู๊ดดอทไปสัมภาษณ์เหล่าเมมเบอร์ในโอกาสที่ One Take เข้าฉาย การสัมภาษณ์ครั้งนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะเป็น เฌอปราง (เฌอปราง อารีย์กุล) กับ เจน (กุลจิราณัฐ อินทรศิลป์) กลุ่มที่ 2 เป็น เจนนิษฐ์ (เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ), โมบายล์ (พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค) และ มิวสิค (แพรวา สุธรรมพงษ์) เอาล่ะ เราไปฟังความรู้สึกของพวกเขากันเลย

ตอนถ่าย One Take เป็นอย่างไรบ้าง

เฌอปราง – ไม่รู้ตัวเลยค่ะว่าถ่ายตอนไหน ส่วนใหญ่เป็นแคนดิด จะรู้ตัวก็ตอนมีคลาสแอคติ้งช่วงถ่ายสัมภาษณ์ อันนี้รู้อยู่ แต่หลังจากนั้นเก็บภาพไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ

เจน – เจนนึกว่าพี่ๆ คือสตาฟ ตอนคลาสแอคติ้งนึกว่าเป็นการถ่ายตอนต้นของสารคดี แต่ไม่รู้ว่ามีการถ่ายก่อนหน้านั้นไปแล้ว

ใน One Take เป็นช่วงที่ส่งต่อให้รุ่น 2 เข้ามาแล้ว คาแร็คเตอร์ของทั้ง 2 รุ่น แตกต่างกันไหม

เจนนิษฐ์ – รุ่น 1 ก็เป็นผู้บุกเบิก กรุยทางลูกลัง ที่ไม่มีปลายทาง ไม่รู้ว่าวงจะไปรอดไหม จะได้ยุบวงหลังเดบิว์ไหม จะมีคนดูหรือเปล่า แต่อยู่ดีๆ ก็ “บู้ม” ขึ้นมา

โมบายล์ ใช่ อยู่ดีๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว (หัวเราะ)

เจนนิษฐ์ – ได้ประสบการณ์ในช่วงเวลาอันสั้น อยู่ดีๆ ก็ได้ทำทุกอย่าง

มิวสิค ส่วนตัวรู้สึกว่ามีความแตกต่าง รุ่น 1 มีความดาร์คมากขึ้น เหมือนเวลาจะค่อยๆ เปลี่ยนเราไป พอรุ่น 2 เข้ามาก็มีความสดใส แต่ตอนนี้ก็เริ่มตามมาแล้ว (หัวเราะ)

โมบายล์ แต่คาแรคเตอร์ก็แตกต่างกันชัดเจนนะคะ ไม่ใช่แค่รุ่น 1 รุ่น 2 แต่เป็นในแต่ละคนด้วย ที่ไม่ค่อยซ้ำกัน

เจนนิษฐ์ – รุ่น 2 ก็มีเกรงใจเวลาจะถามอะไร บางคนก็ขี้อาย ตอนไปทำรายการกันใหม่ๆ น้องๆ กลัวว่าจะพูดอะไรได้บ้าง

โมบายล์ โอ้ยเดี๋ยวนี้โบ๊ะบ๊ะแล้ว โบ๊ะบ๊ะหนักมากเวอร์ (หัวเราะ)

หลังจากมีรุ่น 2 เข้ามา มุมมองในการทำงานเปลี่ยนไหม

เจนนิษฐ์ – เหมือนมีคนช่วยนะ จะมีช่วงนึงที่งานเยอะ นอกจากงานข้างนอกเรายังมีเธียร์เตอร์อีกด้วย แล้วคนก็ไม่ค่อยพอ 

มิวสิค ช่วงแรกก็เครียดอยู่หน่อยๆ เพราะยังไม่สนิทกัน แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มสนิทกัน ไม่ค่อยกดดันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็รู้สึกว่าเดี๋ยวเราจะผ่านไปด้วยกัน

เจนนิษฐ์ – มุมมองอาจจะคิดต่างกัน แต่พออยู่ด้วยกันก็เริ่มเข้าใจกัน

โมบายล์ ช่วงแรกๆ ยังไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกันด้วยค่ะ แต่พออยู่ๆ ไปก็เริ่มสนิทกันทั้งรุ่น 1 รุ่น 2

วันแรกที่เข้ามาใน BNK48 จนถึงวันนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

เจนนิษฐ์ – เปลี่ยนไปเยอะนะ “หน้าตา” น่ะ (หัวเราะ)

โมบายล์ ยอมรับคำวิจารณ์ได้มากขึ้น คือมันก็ไม่เชิงว่าสบายแล้ว แต่เรามีวิธีที่จะรับมือกับมันมากขึ้น ช่วงแรกมันใหม่มาก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ นึกถึงเวลาเราเป็นนักเรียนทั่วไป ถ้าเจอคนที่ไม่ชอบเรา แสดงว่าเราต้องไปทำอะไรให้เขา เขาถึงไม่ชอบเรา แต่อันนี้คือเราอยู่เฉยๆ ก็มีคนไม่ชอบเรา

มิวสิค – รู้สึกเหมือนโมบายล์เหมือนกัน แต่รู้สึกอีกอย่างนึงคือทัศนคติ ความคิด ตัวหนูเองมีโลกส่วนตัวสูง แต่ต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่ง ต้องสละพื้นที่นี้ไป ต้องทำความเข้าใจและยอมรับอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น

เจนนิษฐ์ – การเข้ามาอยู่ตรงนี้เป็นการบังคับให้เราโตขึ้น เหมือนโดนสารเร่งโต ต้องมีวุฒิภาวะ เพราะคนอื่นเขาไม่ได้สนว่าเราเด็กแค่ไหน จะมีคำพูดที่ว่า “ยิ่งโต ยิ่งพูดสิ่งที่อยู่ในใจได้น้อยลง” กลายเป็นว่ายิ่งโตยิ่งเก็บกด เราต้องอดทน อดทน อดทน พูดไม่ได้ ถ้าเป็นเด็กเรารู้สึกอะไรก็พูดเลย แต่อันนี้พูดไม่ได้

ผ่านความกดดันจากตัวเอง และแฟนคลับมาได้อย่างไร

เจน – สำหรับตัวเองนะคะ เมื่อก่อนเราเป็นคนคาดหวังค่อนข้างเยอะ แต่มันเป็นเหมือนประสบการณ์ว่าถ้าเราคาดหวังสูง พอเราทำไม่ได้ มันเจ็บมากนะ สู้ให้เราไม่คิดดีกว่าแล้วทำเต็มที่ อันนี้ไม่มีใครเจ็บด้วย แต่สำหรับการคาดหวังจากแฟนคลับ อันนี้เราไม่สามารถไปห้ามได้ว่า “ห้ามคาดหวังในตัวเรานะ” แต่ให้เขาเข้าใจได้ว่า เราทำเต็มที่ที่สุดนะ

เฌอปราง – เรียกว่าต้องเผชิญก่อน ไม่ว่าใครก็ตามต้องเผชิญก่อนสักรอบนึง พอเราผ่านไปได้หรือรับมือกับมันได้ เราก็จะย้อนคิดว่าต้องรับมือยังไง ใน One Take สำหรับเฌอก็น่าจะเป็นเรื่องที่สะท้อนว่าทุกคนน่าจะเจออะไรแบบนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็สู้ๆ อย่างเพิ่งท้อ แล้วมันจะผ่านไปค่ะ

ด้วยวัยเท่านี้ เคยคิดไหมว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่

เฌอปราง – เคยคิดค่ะ คิดหนักมากว่ามาทำไม อยู่ไปทำไม เคยคิดถึงขั้นว่าเกิดมาทำไมด้วยซ้ำ ก็ถึงจุดที่เรียกว่าเป็นซึมเศร้าแหละ แต่เราไม่ได้เป็นบ่อย ของเฌอจะมีช่วงที่เป็นเดือนละครั้ง ไม่ว่าจะด้วยแรงกดดันที่มันเหนื่อยจากการทำงาน เจอเรื่องราวหลายๆ อย่าง ตัวเฌอก็ปล่อยให้ตัวเองคิดค่ะ ห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ ก็ปล่อยให้ตัวเองคิด แต่รับรู้ไว้เสมอว่ามีคนรักเรา แม้ว่าเราไม่รักตัวเอง แต่ก็มีคนที่รักเราทั้ง พ่อ แม่ ตา ยาย เมื่อไหร่ที่เรากรี๊ดหรือร้องไห้ จะรู้สึกว่าทำเขาเดือดร้อน เฌอจะไม่ชอบทำให้ที่บ้านเดือดร้อน รวมถึงแฟนๆ เมื่อไหร่ที่เฌอหายไปเขาก็เริ่มเป็นห่วง “เฌอไปไหน” “เฌอเป็นอะไร” พยายามนึกไว้เป็นขั้นสุดท้ายเวลาเราดิ่งสุดว่ายังมีคนรักเราอยู่ ไม่อยากให้เขาทุกข์เพราะเรื่องของเรา สุดท้ายปล่อยให้ตัวเองคิด คิดจนเหนื่อยแล้วก็นอนไปค่ะ แล้วรีสตาร์ทตัวเองใหม่ในวันรุ่งขึ้น

เจน – เมื่อก่อนเจนไม่ได้มีกระบวนการคิดที่เป็นผู้ใหญ่มาก แต่ถ้าไม่เจอตอนนี้ ต่อไปก็ต้องเจอ ส่วนความคิดที่ว่า “ไม่อยากอยู่ตรงนี้” เชื่อว่าหลายๆ คนมีความคิดเข้ามา แต่เราเป็นคนตัดสินใจเอง ก็ต้องรับให้ได้กับสิ่งที่เราเลือก ไม่ควรมาเสียใจทีหลัง แต่ลองคิดดูว่ามีคนอีกหลายคนที่อยากมาอยู่ตรงนี้ แล้วเราได้เป็นตัวแทนพวกเขา เราควรดีใจสิ แต่ก่อนหน้านี้คิดแบบ “โอ้ว เครียดมาก”

ตอนอยู่บนเวทีแล้วรู้สึกดาวน์ขึ้นมา จัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร

เฌอปราง – สิ่งนึงที่เฌอยึดคือ “มันคือหน้าที่เรา” เราเป็นไอดอล มีหน้าที่มอบความสุข ซ้อมมาแล้ว เต้นมาแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

เจน – ใช่ หนูเคยเป็นตอนขึ้นเธียร์เตอร์แล้วมีเรื่องดาวน์มากๆ ตอนนั้นเต้นไปร้องไห้ไป แต่แฟนคลับเห็นทั้งๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง เป็นความรู้สึกที่สับสนมากว่าจะทำยังไงกับตัวเองดี คือเมื่อก่อนเจนไม่เคยรู้จักที่จะคุยกับตัวเอง ไม่เคยรู้วิธีที่จะฟังเสียงตัวเอง หรือไม่รู้วิธีการผ่อนคลาย ตอนนั้นก็สับสนไปพักใหญ่ๆ เราเหมือนไม่ไหว เลยหาหนทางโดยการอ่านหนังสือที่ทำให้มีวิธีคิดแบบใหม่ ก็เลยเปลี่ยนตัวเองได้

เฌอปราง – หลายคนอาจจะเจอตอนทำงานก็ได้ แต่เราทำงานตั้งแต่อายุเท่านี้ เหมือนได้เจอตั้งแต่ตอนนี้ อารมณ์เหวี่ยงก็จริง แต่จะมีพี่ๆ สตาฟ, เมมเบอร์ หรือครอบครัวที่คอยสอดส่องว่าวันนี้คนนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูดาวน์ผิดปกติ

เจน – บางครั้งเรานั่งอยู่ก็จะมีเพื่อนๆ เมมเบอร์เข้ามาถามว่าเป็นอะไร คือรู้ได้เลย

เฌอปราง – อยู่ด้วยกันจะรู้ว่าจะมีออร่าบางอย่างที่เราเก็บไม่ค่อยมิด แต่พอผ่านตรงนี้ได้ เรียนรู้เรื่องการจัดการตัวเอง ในอนาคตก็น่าจะง่ายขึ้น ทำให้เราเก่งขึ้น โตกว่าวัยเดียวกัน ซึ่งเฌอจะชอบโดนเพื่อนว่า “ทำไมเฌอความคิดแก่จัง” ก็ไม่รู้จะบอกยังไงดีว่า “เจอมาเยอะแหละ” (หัวเราะ)

ในวันนี้ยังมีฟีดเเบ็กไม่ดีอยู่บ้าง แต่ละคนจัดการกับความรู้สึกเวลาที่ได้รับรู้ฟีดแบ็กนั้นได้แล้วหรือยัง

เจนนิษฐ์ – หนูเปลี่ยนโฟกัสเร็ว เพราะมีอย่างอื่นให้ทำเยอะ แล้วมันก็ลืมไปเลย

โมบายล์ ถึงเราจะพูดยังไง แต่เขาก็มีความคิดของเขา ไม่พร้อมที่จะเปิดใจกับเรา หนูคิดว่าทำสิ่งที่เรารักไป แล้วสนใจคนที่รักเราก็พอ

มิวสิค  เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของคนได้ เหมือนคู่รักที่คบกันแล้วคาดหวังว่าสักวันนึงเขาต้องเปลี่ยนเป็นแบบนี้แน่นอน จริงๆ แล้วมันไม่มีทางใช่ไหมคะ อันนี้ก็เหมือนกันเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้หรอก หนูเลยคิดว่าการที่เอาใจเราไปให้กับเขา มันมีแต่ตัวเราที่เสีย ก็แค่ต้องปล่อยมันไป

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทำอย่างไร

เฌอปราง – เฌออาจจะเป็นพวกรับผิดชอบสูงมาก ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ถ้าเราเดี้ยงไป งานพรุ่งนี้ก็อาจจะมีปัญหาได้ คนจะเดือดร้อนเพราะเราคนเดียว คิดภาพว่าแม่จะเดือดร้อนไม่ได้ จะฮึดขึ้นมา บางอย่างเราควบคุมไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยเราไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ได้ตั้งใจทำให้เดือดร้อน อย่างเรื่องงาน บางครั้งก็ต้องปล่อยให้ตัวเองร้องไห้แล้วพรุ่งนี้ก็เริ่มใหม่

เจน – ปล่อยตัวเองให้ร้องไห้ไปดีกว่าเก็บไว้แล้วไปร้องไห้บนเวที ก็เลยร้องไห้ให้สุด แล้วมาทบทวนอีกทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากคนอื่นหรือตัวเราเอง ถ้าเป็นของคนอื่น เราก็ตัดทิ้งไป แต่ถ้าเป็นของตัวเองก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วกินของหวานเพิ่มความสุข

แล้วแต่ละคนมีวิธีผ่อนคลายกันยังไงบ้างเวลาเครียดๆ

เฌอปราง – กินของหวาน ฟังเพลง ดูซีรี่ย์ อะไรก็ได้ที่ผ่อนคลาย อีกอันนึงคือดูไอดอลของตัวเอง อย่าง 48 นี่แหละ เพราะเฌอชอบเขาอยู่แล้ว ก็ทำให้รู้สึกฮึดได้ว่ามีคนผ่านเรื่องราวแบบนี้เหมือนกัน เราก็ต้องทำให้ได้ เป็นกำลังใจอีกแบบนึง

เจน – ชอบดูสารคดีสัตว์ค่ะ ผ่อนคลายมาก

เฌอปราง – ใช่ หมา แมว

เจน – อู้วว

เฌอปราง – น้องดีมากจริงๆ

ใครคือไอดอลของเรา

เฌอปราง – ของเฌอเป็น ซายากะ ยามาโมโตะ (อดีตสมาชิกวง NMB48) เป็นไอดอลที่เฌอชอบมากๆ การเปลี่ยนแปลงของเขาตั้งแต่เป็นศิลปินข้างถนนจนเข้ามาเป็นไอดอล พัฒนาในทุกๆ ด้าน จนมาเป็นศิลปินเดี่ยวในปัจจุบัน ทำตามความฝันของตัวเองได้ แล้วยังพัฒนาตัวเองต่อไป ก็เลยชอบคนไสตล์นี้ เขาเป็นแรงใจให้เราก้าวมาทำงานตรงนี้ และยังเป็นแรงใจในการสู้ เราอยากสู้บ้างค่ะ

เจน – มีเยอะมาก (หัวเราะ)

เฌอปราง – จริงๆ ก็มีเยอะนะคะ ไอดอลมีหลายอย่างหลายไสตล์

เจน – หนูไม่ได้มีเป็นหลัก ส่วนมากชอบกระจัดกระจาย ถ้าเป็นการแสดงก็ชอบ พี่ใหม่ (ดาวิกา โฮร์เน่) แต่ถ้าเป็นนักร้องก็ชอบหลายคนมาก

เฌอปราง – หนูชอบพี่แก้ม (วิชญาณี เปียกลิ่น)

เจน – พี่แก้มหนูก็ชอบ

ให้ One Take บอกอะไรกับตัวเองในวันนี้

เจนนิษฐ์ – ขออย่างเดียวแค่ดูแลสุขภาพให้ดีที่สุด เวลาป่วยทุกอย่างจะหยุดเลย ซึ่งอาชีพเราป่วยไม่ได้ แล้วบางครั้งให้คนอื่นมาแทนก็ไม่ได้ เวลาป่วยงานก็เสีย แล้วพวกเราเป็นเด็กวัยรุ่น มันจะมีเรื่องนอนเช้า ทำโน่น ทำนี่ ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นผลเสียมากๆ เลยในอนาคต อยากเตือนตัวเอง ถึงแม้จะทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

โมบายล์ มันคือบทเรียนเราในชีวิต ทั้งอดีต ปัจจุบัน มีแต่รับรู้มัน เพราะเราไปแก้ไขอดีตไม่ได้ เราแค่มุ่งที่จะทำอนาคตให้ดี เวลาจะมีเรื่องอะไรเข้ามาก็ให้คิดว่ามันคือชีวิตเนอะ ต้องรับมือและเดินหน้าต่อไปค่ะ

มิวสิค  สำหรับหนู มันยังไม่ถึงเวลาคัท ยังมีเรื่องราวที่ต้องไปต่อ อย่าเพิ่งท้อกับทุกอย่างที่กำลังผ่านเข้ามา ไว้รอให้ถึงเวลานั้นมันจะคัทก็ต้องคัทจริงๆ เวลานี้ต้องสู้ต่อไป เล่นเรื่องนี้ต่อไปให้จบ

One Take…ชีวิตจริงแบบเทคเดียวไม่มีคัท เมื่อเดินเข้ามาสู่โลกของการเป็นไอดอล

เพราะบางครั้งบทบาทที่ยากที่สุด…ก็คือการเป็นตัวเอง