fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

“The Barisieur” เมื่อจับนาฬิกาปลุกมารวมกับเครื่องทำกาแฟ ผลลัพธ์คือเช้าวันใหม่ที่สดใสของคอกาแฟตัวจริง
date : 23.สิงหาคม.2018 tag :

ปกติแล้ว คนเป็นคอกาแฟคงเข้าใจหัวอกกันดี ว่าการได้ดื่มกาแฟร้อนๆตอนเช้าสักแก้ว มันช่วยทำให้เรารู้สึกตื่นนอนแบบเต็มอัตรา หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง (แถวบ้านเรียก “ติดกาแฟ”) แต่กว่าจะลุกไปต้มน้ำ กว่าจะได้กาแฟหอมๆสักแก้วนึง เราต้องฝ่าด่านสำคัญที่เชื่อว่าเช้าๆคงเป็นกันทุกคน ก็ใครล่ะจะอดใจลุกจากเตียงนอนไปได้ แค่งีบละสิบนาทีสักสองสามงีบก็มีความหมาย (ความสาย) นะ ดีไซน์เนอร์จากเกาะอังกฤษนามว่า  “Josh Renouf” จึงคิดค้นออกแบบ “Barisieur” เปรียบเสมือนเป็นการแต่งงานกันระหว่างนาฬิกาปลุกกับเครื่องชงกาแฟ และออกลูกมาเป็นหน้าตาหล่อเหลาอย่างเจ้าเครื่องนี้

การทำงานของมันก็ไม่มีอะไรให้เข้าใจยาก เพียงแค่วางเครื่องนี้ไว้ข้างหัวนอน ก่อนหลับก็ตั้งเวลาปลุกเอาไว้ตามปกติ ตั้งน้ำเปล่า รวมถึงผงกาแฟไว้ให้พร้อม จากนั้นวางเอาไว้ พอถึงเวลาปลุก แทนที่จะส่งเสียงร้องให้รำคาญใจ Mr.Barisieur จะจัดการชงกาแฟและใช้กลิ่นหอมของกาแฟชงเสร็จใหม่ๆมาเป็นตัวดึงเราลุกจากที่นอน คำแนะนำคืออย่าพยายามที่จะ Snooze กับเขาเป็นอันขาด เพราะงัวเงียๆไปลูบๆคลำๆอาจจะโดนน้ำร้อนลวกมือเอาได้ง่ายๆ

null

null

null

null

null

null

null

จริงๆการรวมร่างกันระหว่างนาฬิกาปลุกกับเครื่องชงกาแฟ เคยมีมานานก่อนหน้านี้แล้วก็จริง (บางบ้านอาจจะเคยมีอยู่ก็ได้) แต่เราเชื่อเลยว่าคงไม่มีเครื่องแบบนี้ที่ไหนที่ออกแบบได้สวยงามขนาดนี้ อีกทั้งระบบการต้มน้ำของ Barisieur ยังใช้ระบบไอน้ำส่งจาก Heater ไปสู่กรวยชงกาแฟ (ให้ความร้อนโดยตุ้มเหล็กกลมๆดูแล้วเหมือนห้องทดลองตอนเรียนวิทยาศาสตร์ไม่มีผิด) กรองออกมาเป็นกาแฟแก้วที่สดและกลิ่นหอมเหมือนกับเราตั้งใจชงเองกับมือ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลิ้นชักเตรียมเครื่องกาแฟ ที่ให้เราเลือกใส่น้ำตาล กาแฟ รวมถึงจะใส่นมสดสักช๊อตสองช๊อตรอไว้ข้างๆแก้วก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้ Barisieur มีราคาตั้งอยู่ที่ระหว่าง  £150 และ £250 (ประมาณ 8,000 – 14,000 บาท) โปรเจคต์ทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ถ้าอยากรู้ข่าวสารเพิ่มเติมแบบเกาะติด เชิญเข้าไปชมในเวปไซต์ของดีไซน์เนอร์คนนี้ได้เลย http://www.joshrenoufdesign.com/

null

 

RECOMMENDED CONTENT

19.เมษายน.2019

เป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้สร้างตัวอักษรที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง Monotype ได้ทำการออกแบบตกแต่งตัวชุดอักษรที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกอย่าง Helvetica หลังจากที่พยายามปลุกปล้ำกันอยู่นานกว่าสองปีเพื่อที่จะปรับปรุงชุดตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบ swizz font