fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

“Koenigsegg” ไฮเปอร์คาร์จากสวีเดน เตรียมเดินทางข้ามทวีปมาสร้างความตื่นเต้นให้ชาวไทย
date : 12.ตุลาคม.2020 tag :

หากเอ่ยถึง “Koenigsegg” (เคอนิกเส็กก์) ไฮเปอร์คาร์ระดับโลก ที่ใครหลายคนต่างพูดถึงเทคโนโลยีแห่งความแรงและความเร็วสุดขั้ว เปิดตัวครั้งใดก็สร้างสีสันจนเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปทุกแวดวง ตั้งแต่ระดับราชวงศ์ อย่าง สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน (HM Carl XVI Gustaf, the King of Sweden) ไปจนถึงเหล่าคนดัง อาทิ น้องร้องสาวบิลลี่ ไอลิช (Billie Eilish), เจย์ เลโน (Jay Leno) พิธีกรทอล์คโชว์เรตติ้งสูงที่ปัจจุบันผันตัวมาทำรายการ “Jay Leno’s Garage” ก็ต่างมายลโฉมและสัมผัสถึงสมรรถนะขั้นสุดด้วยตัวเอง

สำหรับเมืองไทย ผู้ที่คลั่งไคล้ไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูงที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย ทั้งยังมุ่งเน้นการทลายขีดจำกัดของตนเองอยู่เสมอ เริ่มนับถอยหลังไว้ได้เลย เพราะอีกไม่นาน “Koenigsegg” เตรียมเดินทางข้ามทวีปมาสร้างความตื่นเต้นให้กับคุณที่กรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน เพราะ บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด (ในเครือชาริช โฮลดิ้ง) นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ และ ศักดิ์ นานา กรรมการ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถไฮเปอร์คาร์เคอนิกเส็กก์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

นี่คือเรื่องราวที่คุณไม่ควรพลาดเกี่ยวกับ “Koenigsegg”แบรนด์รถไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนที่เตรียมเปิดบ้านในไทยอย่างเป็นทางการ

1. “Koenigsegg” ถือกำเนิดในปี 1994 โดยคริสเตียน ฟอน เคอนิกเส็กก์ (Christian von Koenigsegg) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ซึ่งปณิธานที่เขาตั้งไว้อย่างแน่วแน่คือ การสร้างรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบโดยไร้ขีดจำกัด และทุกรายละเอียดองค์ประกอบของรถจะต้องทำงานร่วมกันอย่างลงตัวเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด (Ultimate performance)

2. สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Ängelholm ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของกองทัพอากาศสวีเดน ซึ่งครั้งหนึ่งถูกใช้เป็นอาคารโรงเก็บเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen ก่อนที่ฝูงบินดังกล่าวจะถูกปลดประจำการไป ดังนั้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ฝูงบินขับไล่ไอพ่นที่ 1 ของกองทัพอากาศสวีเดน รถของ “Koenigsegg” ทุกคันที่ผลิต โรงงานแห่งนี้ จะประดับสัญลักษณ์  “flying ghost” ซึ่งเป็นตราประจำฝูงบินนี้นั่นเอง

3. ทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิตโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ ไปจนถึงการตกแต่งภายในของ “Koenigsegg” ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยมือ รถทุกคันจึงเปรียบดั่งงานศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ สร้างขึ้นตามมาตรฐานสูงสุดของแบรนด์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกรายละเอียด

4. “Koenigsegg” ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก โดยหลายปีที่ผ่านมาได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้เห็นการทำลายสถิติโลกในรถหลากหลายรุ่น อาทิ

ปี 2002 Guinness World Records ยกให้ Koenigsegg CC8S เป็นรถโปรดักชั่นที่มีเครื่องยนต์ทรงพลังที่สุดในโลก

ปี 2005 Koenigsegg CCR กลายเป็นรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก โดยทำลายสถิติโลก ด้วยความเร็วที่ 387.86 กม./ ชม.

ปี 2007 Koenigsegg CCXR ถูกยกให้เป็นไฮเปอร์คาร์ พลังงานสะอาดคันแรกของโลก นับเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของวงการรถสปอร์ตที่หันมาให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง ด้วยการออกแบบที่พัฒนาให้ตัวรถสามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 และยังสร้างแรงม้าสูงสุดถึง 1,018 แรงม้า ซึ่งสูงสุดในโลก ขณะนั้น

ปี 2011 Koenigsegg Agera R ทำลายสถิติด้านความเร็วสูงสุดอีกครั้ง โดยทำเวลาอัตราเร่ง 0-300 กม./ ชม. ได้เร็วกว่าที่ Koenigsegg CCX ทำไว้ในปี 2008 ถึง 8 วินาที  ถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน หลังจากนั้นก็มีความพยายามที่จะทำลายสถิติเรื่อยมา จนปี 2015 Koenigsegg One:1 ทำลายสถิติของ Agera R มากกว่า   3 วินาที 

ปี 2017 Koenigsegg Agera RS ได้ทำสถิติความเร็วสูงสุดในรถ Production ด้วยความเร็ว 447.19 กม./ ชม.

ปี 2019 สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่อัตราเร่ง 0-400 กม./ ชม. ภายใน 31.49 วินาที โดย Koenigsegg Regera

สำหรับปี 2020 “Koenigsegg” เตรียมเดินทางสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมาพร้อม 2 ไฮเปอร์คาร์หาชมยาก! ที่จะมาเยือนกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก อย่าง Koenigsegg Gemera (เคอนิกเส็กก์  เกเมร่า) Mega-GT สี่ที่นั่งคันแรกของโลก (The World’s First Mega-GT and Koenigsegg’s First For Four) และ Koenigsegg Jesko Absolut (เคอนิกเส็กก์ เยสโก้ แอบซูลุท) ไฮเปอร์คาร์ที่วิ่งเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Koenigsegg (The Fastest Koenigsegg Ever – Forever) ให้ได้ยลโฉมแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟในงานฉลองแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายรถไฮเปอร์คาร์เคอนิกเส็กก์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เร็วๆ นี้

RECOMMENDED CONTENT

1.พฤศจิกายน.2021

เรียกกระแสฮือฮาน้ำตาแตกกันสนั่นโลกโซเชียล สำหรับวงดนตรีอินดี้ป็อป 2 รุ่นอย่าง “Landokmai” (ลานดอกไม้) และ “Whal & Dolph” (วาฬ แอนด์ ดอล์ฟ) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ที่แฟนเพลงต่างเรียกร้อง