“เราอาศัยว่าทำไม่หยุด ทำไปเรื่อยๆ สักวันมันก็จะเกิดงานที่ทุกคนเป็นที่จดจำขึ้นมา”; “MAMAFAKA” นามปากกาในวงการศิลปะของ “ตั้ม พฤษ์พล มุกดาสนิท” ศิลปิน Street Art ชื่อดังที่มีผลงาน “MR.HELLYEAH!” ยืนให้เห็นกันอยู่ทั่วกรุงเทพ มันเหมือนเป็นประโยคที่ฟังดูเรียบง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก แต่พูดจากปากของคนที่รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจและขยันมากที่สุดคนหนึ่ง เชื่อไหมว่ามันเป็นสิ่งที่ชายคนนี้ทำมาตลอดชีวิตของเขาจริงๆ…
“ตั้ม MAMAFAKA” ศิษย์เก่าจากคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยรังสิตคนนี้ หลังจากเรียนจบเหมือนเด็กหนุ่มทั่วๆไป เขาก็เริ่มต้นชีวิตการทำงานเป็น Graphic Designer ให้กับบริษัทเอเจนซี่โฆษณาชั้นนำอย่าง Ogilvy & Matter และ Creative Juice Bangkok ทันที มีรางวัลที่การันตีฝีมือได้จากเวทีประกวดงานโฆษณามากมายอย่าง B.A.D Awards, Adsman, Adsfest ระหว่างทำงานอยู่ ตอนนั้นปี 2002-2004เขาก็คิดอยากรวมเพื่อนๆกราฟฟิกดีไซน์เนอร์มือดีตั้งกลุ่มขึ้นมาชื่อว่า b.o.r.e.d (Band of Radical Experiment Design) เพียงไม่นาน b.o.r.e.d ก็กลายเป็นชื่อกลุ่มกราฟฟิกดีไซน์เนอร์หัวก้าวหน้าที่ทุกคนรู้จักกันดี ผลงานที่ทำออกมามีทั้ง Illustration, Motion Graphic, Animation, Experimental Filmกลายเป็นที่สนใจของคนในวงการและอาจจะเรียกว่าดังสุดของไทยเวลานั้นเลยก็ว่าได้ พวกเขาได้เปลี่ยนความหมายของคำว่านักทำภาพประกอบและกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ให้กับเมืองไทย
หลังจากที่กลุ่ม b.o.r.e.d ประสบความสำเร็จจนโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางแล้ว แต่ละคนในทีมต่างก็แยกย้ายไปทำงานตามทางของตน ช่วงนั้นปี 2011 เขาก็เริ่มรับทำงานอิสระภายใต้ชื่อตัวเองแบบเต็มตัว นอกจากการเป็นนักวาดภาพประกอบและนักออกแบบกราฟฟิกแล้ว เขายังมีความสนใจเกี่ยวกับศิลปะแนว Street Art อยู่ด้วย ย้อนไปตอนนั้น Street Art ในเมืองไทยยังเป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆของกลุ่มคนไม่มาก ในฐานะศิลปินเขาใช้นามปากกาว่า “MAMAFAKA” และเข้าร่วมกับ “FOR” กลุ่มที่รวมเอาศิลปินจากสาขาต่างๆมาทำผลงาน Street Art ร่วมกัน ถือเป็นกลุ่มศิลปิน Street ระดับแนวหน้าของเมืองไทยกลุ่มแรกๆ โดยสมาชิกแต่ละคนต่างก็มีผลงานที่เหล่าคนเมืองเคยเห็นและรู้จักกันดี สำหรับงานของ MAMAFAKA จะมีตัวละคร Signature ของตัวเองคือ “MR.HELLYEAH!” ตัวละครหนวดเฟิ้ม ขนสีดำทั้งตัวมีตาดวงเดียว เป็นจุดเด่นของงาน และเป็นเพราะนาย HellYeah! ที่พบเห็นได้ตามกำแพงในกรุงเทพนี่ล่ะ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่จดจำชื่อของ Mamafaka กันได้มากขึ้น จากในแง่ของกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ฝีมือดีคนหนึ่ง เขาไต่เต้าพัฒนาฝีมือด้วยตัวเองในเวลาไม่กี่ปี จนโผล่มาให้เห็นอีกทีกลายเป็น “MAMAFAKA” ศิลปิน Street Art ระดับแนวหน้าของเมืองไทย การมาถึงของ “MAMAFAKA” ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของ Street Art ในไทยที่สำคัญมาก จากที่ศิลปะแนวนี้เป็นเรื่องเลอะเทอะในมุมมองของผู้ใหญ่ พ่นขีดเขียนกันตามกำแพงไม่สนใจใคร ไม่มีใครให้ความสนับสนุน …ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปหมด ผลงานของเขาทำให้คนไทยปรับทัศนคติเวลามองคำว่า Street Art ตามท้องถนนไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่ชื่อของ Mamafaka และตัว Mr.HellYeah! ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น เขาก็ถูกทาบทามให้สร้างผลงานศิลปะร่วมกับแบรนด์ดังๆอย่างไม่ขาดสาย มีผลงาน Collaborate ออกมามากมายอย่าง Vespa X MAMAFAKA ทำรองเท้า Converse X MAMAFAKA รุ่นพิเศษของตัวเอง ได้ร่วมงานกับแบรนด์ Adidas, Vans, Incaseและอีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้จัด Solo Exhibition แสดงผลงานของตัวเองครั้งแรกในชื่องานว่า “No Cartoon After News Tonight” ที่ร้าน Mellow Restaurant & Bar ตรงทองหล่ออีกด้วย ทำให้ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นงาน Art Exhibition งานปาร์ตี้แถลงข่าว Collection ใหม่ของแฟชั่น หรืองาน Event ใดๆก็ตาม มองไปทางไหนก็เจอแต่ผลงานของ Mamafaka อยู่เต็มไปหมด ในช่วงปี 2012-2013 จึงถือเป็นปีทองของเขา ณ เวลานั้นคนไทยในวงการต่างยอมรับเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า เขาคือจุดสูงสุดที่ไม่เคยมี Street Artist ไทยคนไหนทำได้มาก่อน ในมุมศิลปินก็เช่นกันเขาคือคนที่สามารถประสบความสำเร็จทั้งฝั่งศิลปะและฝั่ง Commercial ได้ขนาดนี้ สำหรับเมืองไทยถือว่าหายากมาก ภาพลักษณ์ของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจหลักสำหรับเด็กรุ่นใหม่ทั้งในแวดวง Illustrator, Graphic Designer หรือแม้แต่ Street Art ก็ด้วย ชื่อของ “MAMAFAKA” คือ Idol ตัวอย่างความสำเร็จที่วัยรุ่นเห็นแล้วสามารถจับต้องได้ ดูไม่ห่างไกลกับตัวเองจนเกินไป มีแรงผลักในการทำงานและเอาเป็นแบบอย่าง
“MAMAFAKA” หรือ “ตั้ม พฤษ์พล มุกดาสนิท” เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 9/9/2013 ด้วยอายุ 35 ปี จากอุบัติเหตุจมน้ำที่จังหวัดภูเก็ต ในขณะที่ชื่อของ Mamafaka กำลังเจิดจรัสและไม่มีทีท่าว่าจะตกลงมาเมื่อไรนั้น มันเป็นข่าวร้ายที่หลายๆคนต่างก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ การจากไปของ “MAMAFAKA” ถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญแห่งวงการ Street Art และวงการศิลปะในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ กระแสการติด Hashtag #prayformamafaka ของมวลชนใน Social Network จำนวนมหาศาลช่วยส่งกำลังใจให้ในช่วงที่เขายังนอนหลับไม่ฟื้น แม้แต่ศิลปินคนดังในวงการ Art, Creative, Designer และ Fashion ต่างก็ส่งกำลังใจผ่าน Facebook ขอให้ตั้มกลับมาหายดีเช่นกัน จนท้ายที่สุดตอนที่ทุกคนรู้ว่าเขาหมดลมหายใจไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกแแล้ว ก็ยังมีคนนำดอกไม้ไปวางที่หน้าบ้านเพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อศิลปินคนโปรดของพวกเขา สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น…มันแปลว่าเขาได้สร้างตำนานให้กับชื่อ “MAMAFAKA” ไปแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม แต่ทุกผลงานที่ MAMAFAKA สร้างเอาไว้รวมถึง Mr.HellYeah! จะยังคงอยู่ เป็นเหมือนอนุสรณ์ดูต่างหน้าและจะยังอยู่ในใจของใครหลายๆคนตลอดไป คงเป็นอีกเรื่องเล่าที่เราพูดได้อย่างไม่อายปากว่า “เราคือคนที่เคยอยู่ในยุคเดียวกับศิลปินคนนี้ ยุคที่ประเทศไทยกำลังเติบโตในความเป็นศิลปะของตัวเอง ยุคที่เรามีตำนานแห่งวงการ Street Art ที่ชื่อว่า “MAMAFAKA” เราขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกผลงานที่คุณได้สร้างเอาไว้
“เราอาศัยว่าทำไม่หยุด ทำไปเรื่อยๆ สักวันมันก็จะเกิดงานที่ทุกคนเป็นที่จดจำขึ้นมา”
ตั้ม พฤษ์พล มุกดาสนิท “MAMAFAKA”, 1978-2013
Tribute to MAMAFAKA
“The result of preparation and hard work will one day bring you success, as long as you keep on working”; a quote that belonged to “MAMAFAKA” the moniker in the art industry of “Tum – Pharuephon Mukdasanit”, a prominent street artist who created the character “MR. HELLYEAH!” that can be seen all over Bangkok. It sounded like a simple statement that everyone could understand, but it came out from the mouth of a man who was truly passionate and hard working with his art, which he had done so all his life.
“Tum MAMAFAKA” graduated from the Faculty of Fine and Applied Arts at Rangsit University. After he graduated, he immediately started his career as a graphic designer at Ogilvy & Matter, one of the top advertising agencies in the creative industry and Creative Juice Bangkok. He had won numerous advertising awards that guaranteed his exceptional skills from B.A.D Awards, Adsman, to Adsfest. Around the year 2002-2004, he decided to gather his graphic designer friends to start a design collective called b.o.r.e.d (Band of Radical Experiment Design) in order to become a full-time freelancer. Not long after that, b.o.r.e.d soon became a well-known group of designers that everyone was well acquaint of, with many projects such as illustration, motion graphics, animation, and experimental film that became popular and attracted many interests from the people within the design industry. They were perhaps the most popular designers in the country at the time who changed the meaning of illustrators and graphic designers in Thailand.
After b.o.r.e.d had achieved widespread success and popularity, each of the members had separated into different paths of their careers. By 2011, Tum started to work as a full-time freelancer under his own name. Other than being an illustrator and graphic designer, he also had great interest in street art. At that time, street art was only a small movement in Thailand. As an artist, he went by his moniker as “MAMAFAKA”. Soon after, he started a group called “FOR”, a group consisting of many prominent Thai street artists who each had their own significant work that Bangkokians are familiar with. As one of the talented graphic designers, Tum had quietly developed his skills in just a few years, until he became “MAMAFAKA”, one of the leading street artists in Thailand, who later created his signature character called “MR. HELLYEAH!”, a mustachioed, black hairy monster with only one big round eye, and because of MR. HELLYEAH! that could be seen on many walls around Bangkok, people started to remember the name “MAMAFAKA”. The arrival of “MAMAFAKA” had started a kind of a new movement for Thailand’s street art industry. Before, this type of art was deemed by some people as trashy, full of useless spray paints on walls that no one cared and support. However, everything had changed…his artwork had completely changed many Thais’ perspective on street art ever since.
After MAMAFAKA and the MR. HELLYEAH! character had achieved widespread success and critical acclaim, Tum had been commissioned to collaborate with numerous brands such as Vespa x MAMAFAKA, Converse x MAMAFAKA limited edition, Adidas, Vans, Incase, and many others. Furthermore, he even had his solo exhibition showcasing his artwork as MAMAFAKA at Mellow Restaurant & Bar in Thonglor, making him to become the most sought-after artist. Everywhere you look, you would see his work being used in art exhibitions, press conference parties, new fashion collections, and many other social events. Thus, 2012-2013 was his golden year, and everyone in the Thai creative industry all accepted that MAMAFAKA had reached the highest point that none of the street artists before him could achieve. As well as in other artists’ perspective, MAMAFAKA was the only one who could achieve great success both in the art and commercial industry, which was definitely hard to find. MAMAFAKA’s image became an important inspiration to the younger generation of illustrators, graphic designers, and even street artists. “MAMAFAKA” became the idol in achieving and pushing oneself in getting his dream and success for teenagers that was accessible and not too out of reach.
“MAMAFAKA” or “Tum – Pharuephon Mukdasanit” passed away on September 9, 2013 at the age of 34 from a drowning accident in Phuket. While his name was shining high and bright as if it would never fall, this is considered to be the most heartbreaking news no one could ever imagined it would happen. MAMAFAKA’s death became an important phenomenon in Thailand’s street art and art industry. The trend of using the hashtag #prayformamafaka in the social media was massive, as tons of people prayed for him while he was still unconscious. Even famous artists in the art, creative, and fashion industry left their messages on Facebook, hoping for Tum to wake up and be back to normal again. Although, in the end, Tum had finished his last breath and would never wake up, people would still leave flowers in front of his house as a memorial to their favorite artist. From everything that has happened, it proved that “MAMAFAKA” has become a legend, and even though he had left this world, his legacy including MR. HELLYEAH! will always remain in many people’s hearts. We are proud to say that, “we once lived in the same era as this magnificent artist, an era where Thailand is growing in the arts, an era where we had the legendary artist, MAMAFAKA.” We would like to thank you for every work and everything you had left behind. R.I.P MAMAFAKA.
“The result of preparation and hard work will one day bring you success, as long as you keep on working”
Tum – Pharuephon Mukdasanit “MAMAFAKA”, 1978-2013
Credit :
www.facebook.com/MMFKstudio
www.cargocollective.com/boreddesign
RECOMMENDED CONTENT
ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น (Ars Longa Vita Brevis) คือภาษิตของฮิปโปเครติส บิดาแห่งการแพทย์ในยุคกรีกโบราณ คนไทยคุ้นเคยวลีนี้จากคำสอนของ ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย ที่ซึ่งต่อมาลูกศิษย์ของท่านได้นำมาใช้เป็นคำขวัญของมหาวิทยาลัยศิลปากร วลีที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสัจธรรมวลีนี้ยังผุดขึ้นมาในความคิดของ เข้-จุฬญานนท์ ศิริผล หลังจากที่เขามีโอกาสพูดคุยกับผู้ใช้เวสป้า และตระหนักถึงความผูกพันของผู้คนกับความหมายของสกู๊ตเตอร์ที่เป็นมากกว่าพาหนะ เข้จึงเลือกใช้มันมาเป็นชื่อภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ของเขา - ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น