fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#WINETIPS | มหากาพย์ ‘ไวน์ปลอม’ : ซื้อไวน์ถูก ระวังได้ดื่มไวน์ปลอม (part 1)
date : 25.ธันวาคม.2018 tag :

132365886_11n

ข่าวคราวเรื่องเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ จับเหล้า ไวน์ ทั้งปลอมและหลีกเลี่ยงภาษีในบ้านเรามีเป็นระยะๆ ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี จนมีคนถามว่าทำไมปราบไม่หมดเสียที?

คำตอบก็คือ… ไม่หมดแน่นอน เพราะมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐบางหน่วยงานและพ่อค้า ที่สำคัญเรื่องของผลประโยชน์นี้ ‘เข้าใคร แต่ไม่ออกใคร’

—————

เหล้า ไวน์ เป็นหนึ่งในสินค้าที่ลงทุนในการปลอมต่ำแต่ได้กำไรสูง จริงๆ ก็มีการปลอมกันมานานแล้วในรูปแบบต่างๆ กัน ในตอนนี้ขอกล่าวถึงเรื่องไวน์ก่อน ส่วนเรื่องเหล้าเอาไว้ว่ากันในตอนต่อไป เพราะการปลอมเหล้ากับไวน์มีรูปแบบที่ต่างกัน ที่เหมือนกันคือมีเรื่องราวที่ดุเด็ดเผ็ดมันไม่แพ้กัน

การปลอมไวน์น่าจะมีปรากฏให้เห็นเมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านั้นไวน์นิยมอยู่ในกลุ่มเล็กๆ ปลอมก็ไมรู้จะไปขายให้ใคร และคนไทยในยุคนั้นดื่มวิสกี้หรือเบียร์เป็นหลัก ไวน์แทบไม่รู้จัก เมื่อเป็นที่นิยมกันมากขึ้นจึงเกิดการปลอมแปลงตามมา

ลักษณะของการปลอมแปลงไวน์ในครั้งแรกๆ ที่เคยเจอมาเกิดจากสมัยก่อนคนไทยนิยมไวน์จากเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งต้องมีคำว่า ‘ชาโต’ (Chateau) นำหน้า ถ้าไม่มีชาโตนำหน้าต่อให้รสชาติดีเพียงใดก็ขายไม่ค่อยได้ ผู้นำเข้ารายหนึ่งจึงสั่งให้ผู้ผลิตไวน์ในต่างประเทศ ทำไวน์ยี่ห้อใหม่น้ำไวน์ราคาไม่แพง แล้วตั้งชื่อใหม่โดยมีคำว่า Chateau นำหน้า ปรากฏว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กำไร 4–5 เท่าตัวจากต้นทุน

อย่างไรก็ตามสมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นไวน์จริง แต่การนำเข้ามาหลบเลี่ยงภาษี หรือที่นักค้าของเถื่อนเรียกว่า ‘ไวน์หัวโล้น’ หรือการ ‘ปลอมแสตมป์’ มากกว่าการปลอมน้ำไวน์ในเมืองไทยเพราะต้นทุนสูง ไวน์พวกนี้ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากชายแดนภาคใต้ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ไวน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้นคือ ‘มูตอง กาเดต์’ (Mouton Cadet) จากเมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส ราคาขวดละ 300–400 บาท ใครได้ดื่มถือว่าโก้หรู ขณะที่กลุ่มราคาย่อมเยาเป็นของมาตุส (Mateus) จากโปรตุเกส ราคาประมาณ 200 บาท

ในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมาไวน์ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง จึงมี ‘ไวน์ปลอม’ เกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ไวน์หัวโล้นก็ยังมีอยู่และมากขึ้นเช่นกัน สาเหตุสำคัญคือภาษีไวน์ที่ขึ้นเป็นระยะๆ จนอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกือบทุกชาติในโลกนี้ ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคมีสูงขึ้นขณะที่ผู้ผลิตในต่างประเทศผลิตได้ไม่เพียงพอ

ลักษณะของการ ‘ปลอมไวน์’ ในยุคปัจจุบันมีการลงทุนอย่างจริงๆ การปลอมแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกซื้อน้ำไวน์ราคาถูกมาบรรจุขวดใหม่ภายใต้ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากๆ แล้วขายในราคาที่ต่ำกว่ายี่ห้อดังๆ กลุ่มที่สองซื้อไวน์ราคาปานกลาง มาบรรจุขวดใหม่ภายใต้ยี่ห้อไวน์ราคาสูง เป็นต้น เรื่องฉลากข้างขวดง่ายมาก เพราะระบบการพิมพ์ยุคนี้ทันสมัย

ประการสำคัญโลกยุคปัจจุบันเทคโนโลยีในการปลอมไวน์ไม่ใช่เรื่องยากแถมยังแนบเนียน จนแทบแยกไม่ออกระหว่างของจริงกับปลอม แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังแทบจะไม่รู้ ขณะที่ผู้ผลิตไวน์ต่างพยายามหาวิธีป้องกัน แต่มิจฉาชีพก็หาวิธีใหม่อยู่เรื่อยๆ

??????? 2 ???? ริงของเดิม

ปัจจุบันไวน์ที่ถูกปลอมมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง คือไวน์ออสเตรเลียยี่ห้อ เพนโฟลด์ รุ่น บิน ทู (Penfolds Bin 2) รองลงมาเป็น บิน สามแปดเก้า (Bin 389) โดยเฉพาะบิน 2 เป็นรุ่นที่คนไทยนิยมเพราะราคาไม่สูงเกินไป ขณะที่มูตอง กาเดต์ (Mouton Cadet) ปลอมก็ยังมีขายอยู่ โดยเฉพาะตามชายแดนขวดละ 200 กว่าบาทเท่านั้น

สมัยก่อน Bin 389 ได้รับความนิยมมากกว่า Bin 2 ในหมู่คนที่ค่อนข้างจะมีระดับในการดื่ม เพราะราคาสูงกว่าและรสชาติดีกว่า คนกลุ่มนี้จะไม่มอง Bin 2 ขณะที่กลุ่มกำลังทรัพย์ไม่ถึงแต่ต้องการยกระดับตัวเอง จึงต้องเลือก Bin 2 ซึ่งเป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุดในจำนวน Bin ที่มีขายในเมืองไทย ณ เวลานั้น ประกอบกับภายหลัง Bin 389 ราคาถีบตัวสูงขึ้น โอกาสจึงตกมาอยู่ที่ Bin 2

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Bin 2 ได้รับความนิยมในทุกวงการ พ่อค้า ประชาชน นักการเมือง ข้าราชการทุกสังกัด ฯลฯ แม้แต่ อบจ. อบต. ต่างพากันยืดลูกกระเดือกมากิน Bin 2 กันเป็นแถว โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ Bin 2 ถูกใช้เป็นของขวัญกันอย่างมากมายมหาศาล

ผมเรียกไวน์พวกนี้ว่า ไวน์โลงศพ’ คนซื้อไม่ได้ดื่ม คนดื่มไม่ได้ซื้อ ส่วนหนึ่งหรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำไป ซื้อเพื่อผลประโยชน์ ไม่ผิดนักที่จะบอกว่าวัฒนธรรม น้ำร้อน น้ำชา’ ในยุคปัจจุบัน ถูกพัฒนามาเป็น Bin 2′    

??????? 2 ?? งจริงที่เปลี่ยนชื่อพันธุ์องุ่นใหม่

เมื่อความต้องการสูงแต่กำลังผลิตไม่พอ การปลอม Bin 2 จึงเกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบและหลายวิธีการ ขณะที่รุ่นอื่นๆ ก็มีบ้างประปราย ส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งชื่อรุ่นขึ้นมาใหม่ ถ้าไม่นับที่นำเข้าโดยถูกกฎหมาย Bin 2 ที่อยู่ในตลาดบ้านเรามีอยู่ 2 สถานะคือ ไวน์ปลอม’ คือปลอมทั้งขวด น้ำไวน์ในขวด และแสตมป์ อีกอย่างคือ หัวโล้น’ คือเป็นของจริงแต่ไม่มีแสตมป์เพราะไม่ผ่านการเสียภาษี ซึ่งไวน์ หัวโล้น’ พวกนี้สามารถเป็น ‘ไวน์ปลอม’ เหมือนอย่างแรกได้เช่นกัน

ไวน์หัวโล้นและปลอมพวกนี้เข้ามาเมืองไทยมากที่สุดคือ ตามแนวชายแดนเพื่อบ้านทุกสารทิศทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก จะติดแสตมป์ร้านปลอดภาษีของชาติเพื่อนบ้าน มีกระบวนการทำกันเป็นล่ำเป็นสัน ขนกันเป็นคันรถ ขณะที่ทางใต้จะมากับรถไฟ และส่วนใหญ่ลงแถวดอนเมือง ไม่มาถึงหัวลำโพง

แหล่งปลอม Bin 2 ในบ้านเรามีหลายแห่งทั้งในภาคเหนือ อีสาน และปริมณฑลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ บางแห่งถ้าต้องการจำนวนมากให้สั่งล่วงหน้า 2–3 วัน อยากได้กี่ลังบอกมาเลย กำลังการผลิตเร็วยิ่งกว่าเจ้าของไวน์ตัวจริงเสียอีก

วิธีการปลอม Bin 2 มีรูปแบบที่เหมือนกันคือซื้อน้ำไวน์ราคาถูกๆ มากรอกใส่ขวด Bin 2 ต้นทุนประมาณ 200–300 บาท แต่ขายราคา 600–700 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับที่ซื้อตามชายแดน ขณะที่ราคาของที่นำเข้าโดยถูกกฎหมายขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตประมาณขวดละ 1,300–1,500 บาท

—————

ถามว่าคนดื่มรู้หรือไม่ว่าไวน์ที่กำลังดื่มนั้น ไม่ใช่ไวน์ตัวจริง? คำตอบคือถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ร้อยทั้งร้อยไม่รู้

Penfolds Bin 2 เป็นไวน์ที่ผลิตจากองุ่นชิราซ (Shiraz) และมูร์แวเดรอะ (Mourvèdre) ต่อมาวินเทจใหม่ๆ ในฉลากระบุเป็น Shiraz กับมาทาโร (Mataro) ซึ่งจริงๆ ก็คือ Mourvèdre นั่นเอง เริ่มผลิตในปี 1960 ในสไตล์เบอร์กันดี (Burgundy) ของฝรั่งเศส เพื่อให้ดื่มง่ายๆ สบายๆ และดื่มกับอาหารได้หลากหลาย ที่สำคัญเป็นไวน์ที่คุณภาพนิ่งเสมอต้นเสมอปลาย

ถ้าต้องการเข้าถึง Bin 2 ให้ชัดเจนขอแนะนำว่าให้ซื้อของจริง จากตัวแทนที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาชิม เพื่อจดจำรสชาติที่แท้จริงเอาไว้ แล้วครั้งหน้าจะรู้ว่าของจริงกับของปลอมต่างกันอย่างไร แต่ถ้ามีโอกาสลองหาของจริงและของไม่มีแสตมป์หรือของที่สงสัยว่าจะปลอมมาชิมเปรียบเทียบกัน เป็นวิธีที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามถ้าเจอแล้วไม่แน่ใจว่าจริงหรือปลอมก็ไม่ควรซื้อ ให้ซื้อจากตัวแทนที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นยังมีผู้รับผิดชอบ แต่ถ้าซื้อของไม่จริงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอันตรายอย่างยิ่ง

คราวหน้าเป็นเรื่องของการปลอมระดับโลก ซึ่งเป็นการไวน์แพงที่วนเวียนอยู่ในตลาดไวน์เมืองไทยด้วย

————

Writer : Thawatchai Tappitak

RECOMMENDED CONTENT

12.กันยายน.2022

“TIME TO AWAKEN YOUR ZIMBE SPIRIT” ถึงเวลาเดินทางให้สุด ไม่หยุดไปต่อ เรื่องราวการปลุกจิตวิญญาณของนักเดินทางอย่าง ZIMBE (จิมเบ) พร้อมกับเพื่อนผู้สร้างตำนานการเดินทางร่วมกันอย่าง อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่ครั้งนี้กลับมาในฐานะ Seiko brand friend คนแรกของปี 2022 และมาพร้อมเรื่องราวจากการกลับมาออกเดินทางอีกครั้ง หลังจากที่โลกหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง มาดูกันว่าในครั้งนี้ นักเดินทางผู้สร้างตำนานจะพาพวกเราไปเจอกับอะไรบ้าง?