fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

6 ประเภทรองเท้า smart shoes ที่ผู้ชายทุกคนควรรู้จัก
date : 9.มีนาคม.2015 tag :

ทุกอย่างย่อมมีระดับคุณภาพชั้นเลิศ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มี Dom Pérignon ให้ได้ดื่ม Aston Martin ให้ได้ขับ หรือ Jennifer Lawrence ให้ได้ชม เช่นเดียวกับระดับคุณภาพของรองเท้า smart shoes หรือรองเท้าทางการสำหรับคุณผู้ชายทั้ง 6 สไตล์ดังต่อไปนี้ ที่บอกเลยว่าผู้ชายทุกคนควรรู้จักเอาไว้ แล้วคุณจะรู้ว่ารองเท้าที่ดีนั้น มีความสำคัญไม่แพ้กับไอเท็มการแต่งกายอย่างอื่นเลย

null

1. Brogue Shoes

เมื่อนึกถึงรองเท้าทางการ หรือ smart shoes ของผู้ชาย เชื่อว่าหลายๆคนจะต้องนึกถึงรองเท้าสไตล์ Brogue ก่อนเลย เพราะนี่คือรองเท้าที่มีความคลาสสิคและไร้กาลเวลา เมื่อไหร่ที่คุณผู้ชายจะต้องแต่งตัวเป็นทางการ ออกงาน เข้าสังคม หรือแม้แต่ไปทำงาน ถ้าคุณใส่รองเท้าทรงนี้รับรองไม่มีพลาด รองเท้า Brogue ถือกำเนิดขึ้นในประเทศสก๊อตแลนด์ และไอร์แลนด์ในต้นศตวรรษที่ 20 จุดเด่นของรองเท้าสไตล์นี้ก็คือลายฉลุบนรองเท้า โดยสาเหตุที่ต้องมีฉลุก็เพราะแต่เดิมนั้นรองเท้า Brogues มีไว้สำหรับใส่เดินในชนบท ลุยแอ่งน้ำ และแอ่งโคลน ดังนั้นรองเท้าสไตล์ดังกล่าวเลยต้องมีรูเพื่อไว้ระบายน้ำและความชื้นออก ในสมัยแรกๆรองเท้าสไตล์นี้มีไว้สำหรับใส่เดินออกไปทำกิจกรรมประเภทกลางแจ้งเท่านั้น แต่ในภายหลังเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน รองเท้าสไตล์นี้ก็ถูกนำมาใส่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะในวาระโอกาสที่เป็นทางการหน่อย อย่างเช่นใส่ไปทำงานคู่กับชุดสูท หรือเวลาต้องออกงานสังคมเป็นต้น อันที่จริงแล้วรองเท้า Brogues ได้มีการแตกย่อยของรูปทรงอีกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแบบ Wingtip ที่หัวรองเท้าจะมีลักษณะคล้ายตัวอักษร “W” ซึ่งดูคล้ายกับปีกนก แบบ Semi brogue ซึ่งมีหัวลักษณะเป็น toe cap มีลวดลายฉลุตรงกลางหัว ดูสไตลิชและร่วมสมัยมากขึ้น หรือแม้กระทั่งในรูปทรงของรองเท้าส้นสูงสำหรับผู้หญิง

null

2. Oxford Shoes

รองเท้าสไตล์ Oxford จะคล้ายๆกับสไตล์ Brogues และ Derby แต่เอกลักษณ์ของรองเท้าสไตล์นี้หลักๆเลยคือ การมีกระดุมรูร้อยเชือกที่ถูกเย็บไว้ข้างใต้ตัว vamp หรือส่วนที่เป็นหนังรองเท้าตอนบนอยู่ติดกับลิ้นรองเท้า ในขณะที่รองเท้าสไตล์ Derby หรือ Brogues ทั่วไปจะมีกระดุมรูร้อยเชือกเย็บติดไว้ให้มองเห็นได้จากด้านบน รองเท้า Oxford ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศสก๊อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหมือนกัน แต่ต่อมาในช่วงปี ค.ส. 1800 ได้ถูกเรียกว่ารองเท้า “Oxford” เพราะเหล่านักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษนิยมนำมาใส่ แต่เดิมนั้นรองเท้า Oxford จะเป็นรองเท้าหนังที่ดูค่อนข้างเป็นทางการ ออกเรียบๆ ไม่ค่อยมีดีไซน์ หรือความหวือหวาอะไรมาก แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปทรงและการดีไซน์ให้เข้ากับการแต่งตัวแบบทางการ และแบบแคชวล รวมถึงวัสดุที่ใช้ อาทิ หนังลูกวัว หนังแก้ว ผ้ากำมะหยี่ และผ้าแคนวาส นอกจากนี้ยังมีหลายหัวรองเท้าให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบ toe cap ที่มีรอยเย็บคาดตรงหัวรองเท้าเรียบๆ แบบ quarter-brogue ที่มีลายฉลุเรียงเป็นเส้นติดกับรอยเย็บของ toe cap แบบ semi-brogue ที่มีลายฉลุเรียงเป็นเส้นติดกับรอยคาดของ toe cap และตรงกลางหัว หรือแบบ Wingtip ซึ่งสไตล์และดีไซน์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย สามารถทำให้หนุ่มๆมิกซ์แอนด์แมทช์รองเท้าสไตล์ดังกล่าวได้ดีกับชุดสูท หรือแบบ smart casual อย่างเช่นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์เป็นต้น

null

3. Derby Shoes

จริงๆแล้วรองเท้าสไตล์ Derby หรือที่ในอเมริกาเรียกว่า Blucher ก็เป็นรองเท้าในตระกูล Brogues เหมือนกับรองเท้า Oxford แต่จุดเด่นของรองเท้า Derby ก็คือกระดุมรูร้อยเชือกจะถูกเย็บติดไว้กับตัว  vamp ให้มองเห็นได้จากด้านบน แต่เดิมในช่วงปี ค.ส. 1850s  รองเท้าสไตล์นี้จะเป็นที่นิยมสำหรับใส่ไปเดินป่า และล่าสัตว์ แต่ในภายหลังคนก็นิยมนำมาใส่ในเมืองมากขึ้น สังเกตุได้ว่ารองเท้า Derby ส่วนมากจะมีหัวแบบ full closure หรือหัวรองเท้าที่เป็นชิ้นเดียว ไม่มีการแยกเป็นแบบ toe cap หรือแบบ wingtip ดังนั้นรองเท้าสไตล์นี้จะมีความเรียบมากกว่ารองเท้าสไตล์ Oxford เหมาะสำหรับใส่คู่กับสูทสีเข้มๆดูเป็นทางการหน่อยเวลาไปทำงาน หรือในวาระโอกาสอื่นๆที่มีความเป็นทางการต้องแต่งตัวเรียบร้อยสุภาพ

null

4. Wingtips Shoes

รองเท้าที่เรียกกันว่า Wingtips เป็นลักษณะของรองเท้าที่แตกย่อยออกมาจากรองเท้าสไตล์ Brogues ดูได้ง่ายๆเลยคือลักษณะของหัวรองเท้า ถ้ามองจากด้านบนจะมีลักษณะคล้ายตัวอักษร “W” ซึ่งดูเหมือนกับปีกนก ส่วนใหญ่คนอาจคิดว่าถ้ารองเท้ามีดีไซน์ที่มีสีตัดกันสองสี จะต้องเรียกว่าเป็นรองเท้า  Wingtips แต่จริงๆแล้วเรื่องสีไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับชื่อของรองเท้าสไตล์ดังกล่าว เพราะรองเท้า  Wingtips แบบสีเดียวทั้งคู่ก็มีให้เลือกมากมาย แนะนำว่าถ้าอยากใส่รองเท้าสไตล์นี้ให้ดูโดดเด่นมาแต่ไกล ให้เลือกใส่แบบที่มีสองสีตัดกันอย่างเช่นสีน้ำตาล-ขาว คู่กับสูทสีน้ำเงินกรมท่า รับรองวันนั้นคุณจะต้องดูหล่อที่สุดในที่ทำงานแน่นอน

null

5. Double Monkstrap

รองเท้าสไตล์นี้เรียกอีกอย่างว่า “monk shoe” เป็นรองเท้าสไตล์บาทหลวงที่ต่อมาได้รับความนิยมใส่กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน มีให้เลือกใส่ทั้งแบบหนังและแบบหนังกลับ ลักษณะเด่นของรองเท้าสไตล์นี้คือเป็นแบบสายรัดสองเส้น ไร้เชือก จัดว่าเป็นรองเท้าแบบทางการ แต่ก็ยังมีความเป็นทางการน้อยกว่ารองเท้า Oxford นิดหนึ่ง เหมาะสำหรับใส่คู่กับสูทหรือกางเกงยีนส์ก็ได้ แล้วแต่ว่าจะมิกซ์แอนด์แมทช์ให้เข้ากับเสื้อผ้าของคุณยังไง

null

6. Penny Loafer

ในอดีต รองเท้าสไตล์ Loafers หรือเรียกอีกอย่างว่า Slip-ons ที่เป็นรองเท้าสวม ไม่มีการผูกเชือก ถือเป็นรองเท้าที่จัดว่ามีความเป็นทางการน้อยกว่าพวกรองเท้าหนังผูกเชือกอยู่มาก แต่ในปัจจุบันกลับเป็นที่นิยมใส่คู่กับสูทมากขึ้นในหมู่สุภาพบุรุษหลายๆคน แต่ก่อนที่เราจะบอกถึงเหตุผลว่าทำไมรองเท้าสไตล์ลำลองทรงนี้ถึงนำมาใส่กับสูทได้ เราขอเล่าถึงที่มาที่ไปของชื่อ “Penny Loafer” กันก่อน อันที่จริงแล้วไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าคำว่า Penny Loafer มีจุดเริ่มต้นยังไงแน่ แต่บ้างก็ว่าในอดีตสมัยปี ค. ส. 1950s พวกเด็กนักเรียนวัยรุ่น prep school ในอเมริกาเกิดอยากทำเท่ขึ้นมา ด้วยการนำเหรียญ Penny ขัดเงามาใส่ไว้ในช่องด้านหน้าของรองเท้าเพื่อความเป็นแฟชั่น ส่วนบ้างก็บอกว่าจริงๆแล้วมันเริ่มตั้งแต่สมัยปี  ค. ส. 1930s สมัยที่เด็กวัยรุ่นในตอนนั้นชอบนำเหรียญ Penny สองเหรียญสอดไว้ในช่องด้านหน้าของรองเท้าสไตล์นี้ เพื่อเอาไว้ใช้เวลาต้องหยอดตู้โทรศัพท์ หรือขึ้นรถบัสกลับบ้าน (เอ่อ…ไม่มีกระเป๋าใช้กันรึ?) แต่กว่าที่ภาพลักษณ์ของรองเท้า Penny Loafer จะดูมีความสง่างามมากขึ้น ก็ปาเข้าไปสมัยยุค 1960s เมื่ออดีตประธานาธิบดี John F. Kennedy ชอบนำรองเท้าสไตล์ดังกล่าวมาสวมใส่ทั้งกับสูทที่มีความเป็นทางการ และแบบลำลองไม่ใส่ถุงเท้า ส่วนในปี 1966 รองเท้า Penny Loafer ก็มีภาพลักษณ์ที่ดูโก้หรูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากฝีมือการออกแบบของดีไซเนอร์จากแบรนด์หรูระดับโลกอย่าง Gucci ที่ได้นำโซ่เงินและทองมายึดติดไว้ตรงด้านหน้าของรองเท้า ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงในย่าน Wall Street ที่นิวยอร์ก ที่ใส่รองเท้าทรงดังกล่าวคู่กับชุดสูทจนกลายเป็นยูนิฟอร์มประจำ เรียกได้ว่ารองเท้าสไตล์นี้เป็นสัญลักษณ์ของหนุ่ม Preppy อเมริกันชนเลยก็ว่าได้  และดูเข้าคู่กันมากๆเมื่อนำมาใส่กับกางเกงชิโน่ เสื้อเชิ้ต และเบลเซอร์ หรือจะกับกางเกงขาสั้น และเสื้อโปโลเพื่อลุคลำลอง

รองเท้าทั้ง 6 แบบที่ได้ชมไปคือสไตล์รองเท้าทางการที่คุณผู้ชายทุกคนควรทำความรู้จักไว้เป็นขั้นพื้นฐาน สิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าคุณเลือกที่จะสวมใส่ หรือชื่นชอบรองเท้าสไตล์ไหน คุณก็สามารถใส่มันให้ออกมาดูหล่อได้ ถ้าคุณรู้จักวิธีเลือกให้เหมาะกับชุด และวาระโอกาสต่างๆ รวมถึงรู้จักหมั่นดูแลรักษาทำความสะอาดรองเท้าอยู่เป็นประจำ เราเชื่อว่าการที่ผู้ชายมีรองเท้าหนัง smart shoes ติดตู้ไว้อย่างน้อยสักหนึ่งคู่ ก็เหมือนกับการที่ผู้หญิงมีรองเท้าส้นสูงอย่างดีติดตู้ เพราะรองเท้าที่ดีจะช่วยเสริมสร้างบุคลิก และลุคของคุณให้ดูดีและน่าเชื่อถือทุกองศา ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะยอมลงทุนกับมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง

Credit: GQ UK

RECOMMENDED CONTENT

10.เมษายน.2019

ถ้าใครมาญี่ปุ่นแล้วอยากพักใจกลางเมือง ราคาไม่แพง เทปนี้เราพานอนโรงแรมแคปซูลสุดเท่ ว่านอนอย่างไร อยู่กันอย่างไร ห้องน้ำเข้าแบบไหน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ Tokyo Marathon ในวันรุ่งขึ้น Dooddot x Running Insider x Runner's journey