ในบ้านเรา เวลาที่อยากจะสร้างบ้านสักหลัง เรามักจะคำนึงเรื่องความสะดวกสบายเป็นหลัก มากกว่าเรื่องสถาปัตยกรรมและความสวยงาม นั่นเลยทำให้บ้านแบบ ‘เรือนไทย’ ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพราะมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งราคาค่าออกแบบและก่อสร้าง ไหนจะค่าบำรุงรักษา และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่ได้ตอบโจทย์กับชีวิตผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบันมากนัก

ฉะนั้นก็เลยต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ดึงเอาส่วนที่ดีมาใช้ ส่วนที่ไม่เหมาะกับพื้นที่และผู้อยู่อาศัยก็นำเอาความโมเดิร์นมาแทนที กลายเป็นบ้านแนวประยุกต์ มีความร่วมสมัยมากขึ้น

เช่นกันกับบ้านแบบเกาหลี หรือบ้านฮันอก (Hanok) ที่เรามักเห็นบ่อยๆ ตามซีรี่ส์เกาหลี บ้านเหล่านี้มีความยากในการก่อสร้าง ราคาแพง และไม่ตอบสนองกับฟังก์ชั่นผู้อยู่อาศัยมากนัก จึงไม่ได้รับความนิยม

เกาหลีใต้ในฐานะของประเทศที่รู้จักวิธีการจัดการวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี จึงริเริ่มโครงการ Hanok Village หรือหมู่บ้านเกาหลี ให้ออกมาในลักษณะขออสังหาริมทรัยพ์ที่มีมูลค่า ดึงเอาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของบ้านฮันอกมาใช้ ในขณะที่ใส่ความโมเดิร์นเข้าไป อย่างเช่นโครงสร้าง วัสดุ และการตกแต่งภายใน ทำให้บ้านฮันอกแบบร่วมสมัยนั้น คงทน และราคาไม่แพงเลย

ทางรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนและการวิจัยเป็นอย่างดี อย่างที่นักท่องเที่ยวคงได้มีโอกาสไปเดินเล่นที่หมู่บ้าน Bukchon Hanok กันมาแล้ว ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัยแล้ว ยังได้รับการส่งเสริม ปรับปรุงโครงสร้างและระบบสาธารณูปโภค เพื่อสร้างแรงจูงใจ ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันนั้น หมู่บ้านบุกชอนฮันอกนี้ เต็มไปด้วยร้านกาแฟและคาเฟ่วัยรุ่น แทรกแซมอยู่ตามตรอกซอกมุมต่างๆ

ตัวอย่างเช่นบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านอึนพย็องฮันอก (Eunpyong Hanok village) ที่ต้องการจะสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาในรูปแบบร่วมสมัย แต่ตัวเจ้าของบ้านอยากได้บ้านแบบฮันอก ทีมสถาปนิก studio_GAON จึงได้ร่วมมือกับช่างท้องถิ่น สร้างงานสร้างอาชีพและสร้างบ้านฮันอกขึ้นมาให้ร่วมสมัย สวยงาม และตอบโจทย์ฟังก์ชั่นผู้อยู่อาศัยเป็นที่สุด

บ้านซูโอแจ (Su-o-jae) หลังนี้ถูกรายล้อมไปด้วยบ้านทั้งแบบฮันอก และแบบยันกก (บ้านสมัยใหม่อิทธิพลตะวันตก) ความยากที่ทำให้ทีมสถาปนิกต้องปวดหัวก็คือ รูปแบบบ้านฮันอกแบบดั้งเดิมนั้นใช้พื้นที่มาก เพราะมีเพียงชั้นเดียว ต้องมีสวนรอบบ้าน และลานกว้าง แต่บ้านหลังนี้มีพื้นที่ไม่มากมายนักเนื่องจากราคาค่าที่ดินที่แพงสูงลิ่ว จึงทำให้บ้านฮันอกร่วมสมัยหลังนี้ต้องมีสองชั้น

บ้านหลังนี้แบ่งพื้นที่ใช้สอยตามผู้ใช้งานออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือพื้นที่ของพ่อแม่ และส่วนที่สองคือพื้นที่ของลูกชายสองคน ที่ในอนาคตอาจจะกลายเป็นเรือนหอ หรือไม่ก็สามารถเปิดให้คนอื่นมาเช่าได้ การจัดวางตำแหน่งของบ้านนั้นทำให้เราเห็นเหลี่ยมมุมที่ช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัวได้อย่างดี แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกโล่งสบาย เพราะมีพื้นที่ว่างให้หายใจได้อยู่

การตกแต่งภายในเน้นที่ความเรียบง่าย มีรูปแบบการใช้สอยคล้ายกันกับวิถีชีวิตของคนในบ้านฮันอกแบบแต่ก่อน แต่ก็เสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสมัยใหม่ต่างๆ เข้าไป เพื่อให้ตอบโจทย์กับฟังก์ชั่นและชีวิตเจ้าของบ้านอย่างสมบูรณ์แบบ

นี่จึงเป็นบ้านในหมวดร่วมสมัยที่มองภายนอกอาจจะดูโบราณคร่ำครึ ไม่โมเดิร์นอย่างสมัยนิยม แต่ถ้าลองดูดีเทลเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็จะพบว่า ความโมเดิร์นที่แท้จริง อาจจะหมายถึงการรู้ รับ ปรับ ใช้ กับภูมิปัญญาแบบโบราณก็ได้