fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#DESIGN — Espaço Espelho D’ Água ร้านอาหารสุดจ๊าบที่รีโนเวตอาคารโมเดิร์นยุค 1940s ให้ออกมาแสนเก๋ ที่กรุงลิสบอน โปรตุเกส
date : 5.มิถุนายน.2018 tag :

ในย่าน Belem ซึ่งเป็นย่านชายฝั่งพักผ่อนปากอ่าวแม่น้ำ Tagus ไม่ไกลกันนักกับกรุง Lisbon ประเทศโปรตุเกส มีร้านอาหาร fine-dining fusion ที่ใช้อาคารเก่าแก่จากยุคโมเดิร์นนิสม์ รีโนเวตและตกแต่งเสียใหม่จนออกมาน่าพิศมัย ในชื่ออ่านยากว่า Espaço Espelho D’ Água

อาคารเก่าแก่แต่โมเดิร์นนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1940 เดิมใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการประจำงาน Portuguese World หรืองานเฉลิมฉลองเอกราชของโปรตุเกส ออกแบบโดย António Lino แต่มารีโนเวตใหม่โดยทีมสถาปนิกจาก DC.AD Architects (นำทีมโดย Duarte Caldas และมัณฑนากร Victor Vicente) เพื่อทำให้กลายเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่เป็นได้ทั้งร้านอาหาร เบียร์ฮอลล์ คาเฟ่ หรือแม้แต่สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมือง

โดยร้าน Espaço Espelho D’ Água นี้ ตั้งอยู่ใกล้กันกับอนุสาวรีย์ Padrão dos Descobrimentos ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองยุคทองของการแสวงหาดินแดนใหม่และล่าอาณานิคมของโปรตุเกสในช่วงคริสตศตวรรษที่ 15 ถึง 16 ออกแบบโดย Cottinelli Telmo สถาปนิกคนสำคัญของโปรตุเกส ซึ่งก็เป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบให้กับผู้ออกแบบอาคารร้านอาหารนี้นั่นเอง

การรีโนเวตร้านอาหารแห่งนี้แทบจะคงของเดิมไว้เกือบทั้งหมด ทั้งสถาปัตยกรรมและโครงสร้างสำคัญด้านใน พื้นเป็นอย่างไรก็คงเอาไว้ โครงสร้างหลังคาและเพดานก็คงไว้ รวมถึงระบบส่องสว่างที่ถูกเติมเข้าไปเพียงน้อยนิด เพราะของเดิมนั้นทำได้ดีอยู่แล้ว ทั้งการใช้แสงธรรมชาติเข้ามาช่วย หรือการตกแต่งภายในที่เน้นความสะอาดตา และสีขาวที่ดูดซับแสงช่วยให้พื้นที่นั้นสว่างและให้ความรู้สึกสบายและเป็นมิตร

เมื่อเดินมาด้านใน จะพบว่าพื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยทางเดินตรงกลาง ส่วนแรกคือพื้นที่ส่วนที่ติดแม่น้ำ เป็นส่วนของร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ และครัวกลาง รวมถึงชานด้านนอกที่สามารถนั่งรับลมรับแดดได้อย่างสุนทรี ส่วนที่สองคือฝั่งของสำนักงาน ร้านขายสินค้าของที่ระลึก ห้องน้ำ ห้องจัดเลี้ยง ห้องอาหารแบบ fine-dining และอื่นๆ

เอกลักษณ์ที่น่ารักของร้าน Espaço Espelho D’ Água ก็คือบาร์เครื่องดื่มโครงสร้างคอนกรีตผสมกับไม้ ที่ใช้แสงสว่างธรรมชาติจากช่องเพดานด้านบน และมีการพรางส่วนครัวกลางด้วยผนังสวนแนวตั้ง ที่เหมือนจะดูไม่เกี่ยวข้องกับความโมเดิร์นนิสม์เดิมของอาคาร แต่กลับเป็นการตกแต่งที่น่าสนใจและเข้ากันได้ดีกับภาพรวมของร้าน

อย่างที่บอกว่าอะไรที่มีอยู่ก็คงไว้ อะไรที่สวยงามอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำลายมัน เช่นกันกับงานจิตรกรรมบนผนังของห้อง fine-dining ที่วาดโดยศิลปิน Sol Lewitt มาตั้งแต่ปี 1990 ก็ยังคงถูกรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี และทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งภายใน และกลายเป็นร้านอาหารที่ย้อนยุคไปสู่ความโมเดิร์นนิสม์รุ่งเรืองได้เป็นอย่างดี

เช่นกันกับสถาปัตยกรรมภายนอกทั้งหมดที่ถูกคงเอาไว้เหมือนหยุดเวลาไว้ที่ยุค 1940 พื้นกระเบื้องโมเสกที่ออกแบบโดย Angolan Yonamine เพื่อถึงความพหุวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันอยู่ของโปรตุเกสและแอฟริกา ก็ช่วยพาเราย้อนไปสู่ยุคล่าอาณานิคมได้อย่างกลายๆ

จึงนับว่าเป็นร้านอาหารแสนเก๋สุดจ๊าบ เพราะมันคือความเข้ากันได้ดีระหว่างความโมเดิร์นในยุคปัจจุบัน และความโมเดิร์นนิสม์ในยุครุ่งเรืองเมื่ออดีตที่ผ่านมาได้อย่างกลมกลืนและสมดุล

RECOMMENDED CONTENT

27.พฤษภาคม.2019

“โรคร้ายไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว” เพราะโรคร้ายไม่ได้ทำร้ายแค่ผู้ป่วยเพียงคนเดียว แต่ยังมีคนในครอบครัวและคนอีกหลายคนที่ต้องเจ็บปวดและได้รับผลกระทบเช่นกัน การช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการรักษานั้น เท่ากับเราได้ช่วยเหลือคนมากกว่าหนึ่งคน