fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#ArtRecap : 8 โปสเตอร์หนัง ที่สร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบมากมาย!
date : 28.ธันวาคม.2015 tag :

8 chicest movie posters of all time dooddot cover

การสร้างภาพยนตร์ให้เป็นที่สนใจและตราตรึงในความทรงจำของผู้ชมคือความตั้งใจของผู้สร้าง ‘โปสเตอร์’ หรือใบปิดหนัง ก็เป็นศิลปะชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งซึ่งจะพิสูจน์ว่าสามารถเรียกความสนใจของผู้คนได้หรือไม่  โปสเตอร์หนังหลายต่อหลายเรื่องสามารถดึงดูดความสนใจของเรา จนทำให้เราอยากดูตั้งแต่ยังไม่เห็นเทรลเลอร์หรือแม้แต่ยังไม่รู้ว่าใครแสดง นอกจากดีไซน์ที่สะดุดตาแล้ว ยังสื่อถึงอารมณ์และเรื่องราวของภาพยนตร์ได้ดีเยี่ยมอีกด้วย วันนี้เรามี 8 โปสเตอร์หนังมากไอเดีย มาให้ชมกัน เผื่อใครจะได้ไอเดียดีๆ ไปต่อยอดสร้างสรรค์งานของตัวเองกันบ้างค่ะ

8 chicest movie posters of all time dooddot 1

The Lobster, 2015 Image courtesy of Picturehouse Cinemas

The Lobster, 2015

หนังพูดอังกฤษเรื่องแรกของผู้กำกับชาวกรีก Yorgos Lanthimos  โปสเตอร์ทั้งสองซึ่งโชว์นักแสดงนำ Colin Farrell และ Rachel Weisz กำลังโอบกอดเงาอันว่างเปล่าของคนรักนั้น ออกแบบโดย Vasilis Marmatakis ดีไซน์เนอร์ชาวกรีก แห่ง studio MNP ของเขา เปรยถึงรูปแบบที่ซับซ้อนของความรักผ่านการออกแบบอย่างเรียบง่าย clean lines ตัวอักษรโดดเด่น ชวนให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นในตัวหนัง  Marmatakis บอกว่าเขาลองสเก็ตช์ไปเยอะ และทำโปสเตอร์ออกมาห้าชิ้น แต่ที่สุดแล้วก็คัดเอาเพียงสอง  พอยท์หลักในโปสเตอร์คือสื่อให้เห็นถึงความเหงา การอยากจะมีใครสักคน สายตาของ Colin และ Rachel บ่งบอกความรู้สึกอ้างว้าง ความไม่สมบูรณ์ และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่า Marmatakis ยังคงไว้ลายความฉงนชวนคิดไม่ต่างจากผลงานเลื่องชื่อก่อนหน้าอย่าง Dogtooth, 2009 ของ Lanthimos เช่นกัน

8 chicest movie posters of all time dooddot 2

Black Swan, 2015 Courtesy of LaBoca

Black Swan, 2015

หนึ่งในสี่ของโปสเตอร์ Black Swan หนังของผู้กำกับ Darren Aronofsky เซทนี้ ครีเอทโดย LaBoca สตูดิโอออกแบบจากลอนดอน สื่อให้เห็นถึงความงามของโปสเตอร์เรขาคณิตกลิ่นอายเช็คและโปแลนด์ซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงยุค 60s และ 70s ผสานกับการออกแบบสไตล์ต้นศตวรรษที่ 20 มีรูปร่างของหงส์เป็นองค์ประกอบสำคัญของแต่ละโปสเตอร์ เผยให้เห็นความสวยของอิริยาบถด้วยสีแดงเข้ม สีดำ และสีครีม  ส่วนหัวสีดำของหงส์โน้มลงบนใบหน้าอ่อนเรื่อของพอร์ทแมน ตาสีแดงจึงซ้อนกับตาของเธอ และปากสีแดงก็มีนัยถึงน้ำตา หรือหน้ากากซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายของพอร์ทแมน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสื่อให้เห็นถึงความงดงามและความน่าประทับใจไปตราบนานของภาพยนตร์

ดูเพิ่มเติม: www.theguardian.com/film/filmblog/2010/dec/20/black-swan-posters

8 chicest movie posters of all time dooddot 3

Carol, 2015  Image courtesy of Instagram

Carol, 2015

จากหนังสือ ‘The Price of Salt’ นิยายโรแมนซ์ซึ่งเขียนโดย Patricia Highsmith สู่แผ่นฟิล์ม Carol หนัง Drama + Romance นำแสดงโดย Rooney Mara และ Cate Blanchett สื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสาวสองวัย ระหว่างเสมียนสาวหน้าใสวัย 20 กับหญิงสาวที่แต่งงานมีสามีแล้วที่เธอตกหลุมรัก เธอทั้งสองแนบเคียงกันในภาพขาวดำอันฝ้ามัว เผยให้เห็นถึงความงามของสองสาวที่แม้จะต่างวัยแต่ก็ยืนเคียงกันไปในความสัมพันธ์  และในส่วนของ tagline ก็คือข้อความหนึ่งจากนิยายซึ่งจะชวนให้ผจญไปกับเรื่องราวและความโรแมนซ์ของหนัง

8 chicest movie posters of all time dooddot 4

Rosemary’s Baby, 1968  Image courtesy of Rotten Tomatoes

Rosemary’s Baby, 1968 

ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์มือฉมัง Phil Gips และ Stephen Frankfurt ผู้ซึ่งเคยสร้างผลงานให้หนังดังอย่าง Network และ Alien สำหรับโปสเตอร์หนัง Horror อย่าง Rosemary’s Baby มี Mia Farrow นักแสดงนำเป็น backdrop สลัวๆ ขับให้เงาดำของรถเข็นเด็กบนสันเขาโดดเด่นขึ้นมา สร้างความสมดุลอย่างน่ากลัวได้มากทีเดียว  ทั้งยังมี tagline ‘Pray for Rosemary’s Baby’ ส่งให้ดูเหมือนโปสเตอร์คลาสสิกยุค 60s ซึ่งใช้ประโยคลึกลับดึงดูดความสนใจจากผู้ชม  นับว่าภาพหลอนๆ กับข้อความชวนอยากรู้อยากเห็นนี้เป็นอุบายเชื้อเชิญให้เราอยากดูได้จริงๆ 

8 chicest movie posters of all time dooddot 5

Metropolis, 1927

Metropolis, 1927

นอกจาก Metropolis หนัง Drama+Sci-Fi สุดคลาสสิคของผู้กำกับ Fritz Lang  จะมีโปสเตอร์หนังที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุดในโลก(Click) มูลค่าราว $357,750 ซึ่งออกแบบโดย Heinz Schulz-Neudamm แล้ว  ยังมีโปสเตอร์อีกชิ้นข้างต้นที่ได้รับการออกแบบอย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เป็นผลงานชิ้นเอกของ Boris Bilinsky  นักออกแบบชาวรัสเซีย ที่ออกแบบสำหรับ L’Alliance Cinématographique Européenne  งานกราฟฟิกในเชิงสถาปัตยกรรมของ Bilinsky ชิ้นนี้ชวนให้นึกถึงงานของ MC Escher, งาน Cubist ร่วมสมัยของ Braque และ Picasso

8 chicest movie posters of all time dooddot 6

The Grand Budapest Hotel, 2014

The Grand Budapest Hotel, 2014

ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานของผู้กำกับ Wes Anderson ก็ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่ๆ นอกจากความตลกหน้าตายที่เป็นจุดเด่นของหนังแล้ว  โปสเตอร์ของ The Grand Budapest Hotel ยังดึงดูดสายตาด้วยการจำลองภาพโรงแรมในสีสันสดใสชมพูสุดฟรุ้งฟริ้ง  ซึ่งโปสเตอร์นี้ออกแบบโดยผู้กำกับศิลป์ Annie Atkins สะท้อนความขี้เล่นและยูนีคของ Anderson ออกมาได้ดีมากและขณะเดียวกันก็ชวนให้ผู้ชมเข้าสู่โลกของหนังอันมีเอกลักษณ์ด้วย

8 chicest movie posters of all time dooddot 7

Vertigo, 1958

Vertigo, 1958

โปสเตอร์ Vertigo หนังผลงานระดับ masterpiece ของผู้กำกับอัจฉริยะอย่าง Alfred Hitchcock ชิ้นนี้ ออกแบบโดย Saul Bass ติดหลายชาร์ตของ the most iconic movie poster of all time ด้วยดีไซน์สุดเก๋ ชวนมอง ของภาพเงาคู่หญิงชายคู่หนึ่งกำลังวุ่นวนในใจกลางกระแสวังวนชวนวิงเวียนเปรียบดังชื่อเรื่อง  Bass มีผลงานออกแบบโปสเตอร์หนังมากมายเพราะงาน symbolic visual style อันมีเอกลักษณ์ของเขานั้น นำเสนออินเนอร์ของหนังได้อย่างดีเยี่ยม

8 chicest movie posters of all time dooddot 8

Secretary, 2002 Image courtesy of Pinterest

Secretary, 2002

ดูเซ็กซี่ขี้เล่นดีจริงๆ กับโปสเตอร์ Secretary หนังของผู้กำกับ Steven Shainberg ชิ้นนี้ โชว์ให้เห็นเรียวขาและบั้นท้ายด้วยการโพสต์ท่าของเลขาสาว Lee Holloway ซึ่งรับบทโดย Maggie Gyllenhaal  ในขณะที่ typewriter font ก็บอกให้เรา ‘assume the position’ แต่ทว่ามีเนื้อที่เยอะแยะให้ใส่ชื่อเรื่องลงไป กลับแปะมันลงบนบั้นท้ายของเธอ นับเป็นภาพที่ดูเรียบง่ายแต่น่าจดจำและชวนอยากรู้อยากเห็นจริงๆ โปสเตอร์ชิ้นนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่นักสะสมทั่วโลกต่างอยากได้มาไว้ในครอบครอง

Writer: Jayda Sopasooksri
อ้างอิง: www.anothermag.com

RECOMMENDED CONTENT

14.ธันวาคม.2020

‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ  ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย